รีวิว คอนโด เดอะ ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ The Privacy Taopoon Interchange
Written by : Nin Yanin
สวัสดีค่า กลับมาพบกันวันนี้ ทีมงาน Condonayoo จะพาคุณผู้อ่านไปชมคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ กับโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ จาก พฤกษา เรียลเอสเตท
ที่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เพียง 500 เมตรเท่านั้น บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. กันค่ะ
เดินทางสะดวกสบาย อยู่ติดถนนใหญ่ ใกล้ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น Gateway บางซื่อ, Lotus’s, Big C และ ตลาดเตาปูน ใช้ชีวิตได้สะดวกสบาย ในบรรยากาศแบบย่านที่อยู่อาศัย
เดอะ ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร ในสไตล์ Tropical Luxury บนพื้นที่โครงการขนาด 2-1-97.1 ไร่ มีห้องชุดพักอาศัยจำนวน 486 ยูนิต และร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกอีก 1 ยูนิต โดยมีห้องพักให้เลือกแบบ Studio, 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus และ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้น 22.25-50.25 ตร.ม. ตกแต่งให้แบบ Fully Fitted
มาพร้อมกับ Smart Life Concept ที่เพิ่มเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไปภายในโครงการ และ Well Building Concept เพื่อสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัย ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกมาตรฐานภายในโครงการครบครัน อาทิ Lobby Lounge, Co-Working Space, Meeting Room, The Garden, Co-Kitchen, Sky Pool, Sky Lounge, Fitness Room, Sky Pods, Observation Terrace, Steam Room, Sauna Room และระบบความปลอดภัย 24 ชั่วโมง ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท* (ก.พ.65)
เรามาดูกันเลยค่ะว่าโครงการนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
ลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษ คลิก https://www.pruksa.com/theprivacy/taopoon-interchange
สอบถามข้อมูลและโปรโมชันเพิ่มเติม โทร 1739
คอนโด The Privacy ทำเลอื่นๆ ที่น่าสนใจ…
| ชื่อโครงการ | เดอะ ไพรเวซี่ เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ The Privacy Taopoon Interchange |
| เจ้าของโครงการ | บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท / Pruksa |
| เนื้อที่ทั้งหมด | 2-1-97.1 ไร่ |
| จำนวนตึก | 1 อาคาร |
| จำนวนชั้น | 36 ชั้น |
| จำนวนห้อง |
|
| ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
| ที่จอดรถทั้งหมด | คิดเป็น 43% หรือ ประมาณ 211 คัน รวมจอดซ้อนคัน |
| จำนวนลิฟต์ |
|
| โซน | บางซื่อ |
| เส้นทางคมนาคม |
|
| ที่ตั้ง | ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800 |
| กำหนดการ |
|
| ปีที่สร้างเสร็จ | สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ธ.ค. 64 |
| ราคา | เริ่มต้น 2.39 ล้านบาท* (ก.พ.65) |
| ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | เริ่มต้น 105,000 บาท/ตร.ม.* (ก.พ.65) |
| ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
| สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
อื่นๆ
|
| สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
| Tel | 1739 |
| Website | https://www.pruksa.com/theprivacy/taopoon-interchange |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800
พิกัด : 13.811687, 100.531575
ทำเลที่ตั้ง โครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บน ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี (เดิมคือซอย 16) ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีบางซ่อน และสถานีเตาปูน ซึ่งจะอยู่ฝั่งขาเข้าเมืองที่มุ่งไปทางสถานีเตาปูนค่ะ โดยจุดที่โครงการตั้งอยู่ถือเป็นทำเลที่น่าสนใจ เพราะอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 500 เมตร โดยเป็น Interchange Station ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางใหญ่ และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงเตาปูน-ท่าพระ โดยทำเลจะมีความเป็นชุมชนสูง และมีสถานที่ราชการรวมถึงแหล่งงานอยู่มากมาย จึงมีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบโครงการ
อีกทั้งยังเป็นทำเลที่อยู่ไม่ไกลจากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงโค้งน้ำด้วยนะคะ โดยตัวโครงการสามารถเชื่อมต่อกับตัวเมือง จ.นนทบุรีได้ เนื่องจากอยู่ใกล้กับสะพานพระราม 7 ข้ามฝั่งไปก็สามารถวิ่งออก ถนนราชพฤกษ์-บางกรวย-ไทรน้อยได้ จะวิ่งเข้าตัวเมืองกรุงเทพฯ ชั้นใน โซนดุสิต หรือวิ่งออกตัวเมืองในโซนจตุจักร กำแพงเพชร ถึงห้าแยกลาดพร้าวก็ได้เช่นกัน
การเดินทางด้วยรถยนต์ ถือว่าเดินทางสะดวกสบายค่ะ เนื่องจากโครงการอยู่ติดถนนกรุงเทพ-นนทบุรี จากแยกบางโพประมาณ 500 เมตร ถ้าต้องการวิ่งเข้าเมือง ให้ใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 2 วิ่งมาเข้าถนนเตชะวณิช เพื่อเชื่อมถนนพระรามที่ 5 แล้วเชื่อมกับเส้นราชวิถี จากนั้นก็จะไปอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือเลยมาเชื่อมเข้าถนนศรีอยุธยาเข้าพญาไทก็ได้ ไปสยามก็ไม่ยากแล้ว หรือจากถนนประชาราษฎร์สาย 2 วิ่งมาแยกบางโพมาใช้เส้นประชาราษฎร์สาย 1 เชื่อมออกสามเสนซึ่งเป็นเส้นที่ขนานกับถนนพระรามที่ 5 ตัดเข้าถนนราชวิถี และถนนศรีอยุธยาได้เช่นกัน
ถ้าจะไปฝั่งพหลโยธินก็วิ่งมาออกถนนกำแพงเพชร หรือประดิพัทธ์จะไปเชื่อมกับถนนพหลโยธิน ไปจตุจักร เลยไปลาดพร้าว หรือย้อนเข้าเมืองไปทางอนุสาวรีย์ชัยฯ ได้ ที่สำคัญก็คือบริเวณถนนพระราม 6 จะมีจุดขึ้นลงทางด่วนศรีรัช และตรงเส้นประชาราษฎร์สาย 1 จะมีทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ค่ะ
สำหรับการเดินทางออกนอกเมือง ถ้าไปฝั่งวงศ์สว่างก็ใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งตรงไปจนเจอแยกวงศ์สว่างได้เลย เชื่อมต่อข้ามสะพานพระราม 7 ไปฝั่งจรัญสนิทวงศ์ได้ ไปออกสิรินธร ปื่นเกล้า เข้าบรมราชชนนี วิ่งยาวออกพุทธมณฑลสายต่าง ๆ ยาวไปนครปฐมได้เลย นอกจากนี้เส้นกรุงเทพ-นนทบุรี ถ้าตรงไปแยกติวานนท์จะเชื่อมถนนติวานนท์ไปแคราย รัตนาธิเบศร์ งามวงศ์วาน ปากเกร็ดได้สบาย ๆ
หรือจากแยกติวานนท์ตัดเข้าถนนนครอินทร์ ออกโซนพระราม 5 ได้เลย ส่วนถนนประชาชื่นจะไปตัดกับถนนรัชดาภิเษก วิ่งไปออกวิภาวดี-รังสิต หรือยาวไปพระราม 9 ได้เลย
ในอนาคตจะมีโครงการสะพานเกียกกาย ที่ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเชื่อมต่อกับถนนจรัญสนิทวงศ์ เพื่อรองรับเมกะโปรเจกต์รัฐสภาแห่งใหม่ รวมถึงการขยายถนนประชาราษฏร์สาย 1 ต่อไปยังถนนทหาร และสร้างถนนคู่ขนานสามเสน, สร้างถนนเชื่อมสะพานเกียกกาย กับถนนกำแพงเพชรอีกด้วย ซึ่งก็ล้วนเป็นถนนเส้นหลัก ที่ใช้เดินทางในละแวกโครงการแทบทั้งสิ้นค่ะ
ตำแหน่งของโครงการรัฐสภาแห่งใหม่ รวมถึงสะพานเกียกกาย และอาคารสูงในอนาคต
ทางด่วน ที่อยู่ใกล้โครงการคือทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ ห่างจากโครงการประมาณ 3.7 กม. จากโครงการใช้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี วิ่งไปเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 แล้วเชื่อมกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 วิ่งไปตามทางจะเจอป้ายบอกขึ้นทางด่วนค่ะ
อีกเส้นคือทางด่วนศรีรัช ห่างจากโครงการประมาณ 3.0 กม. จากโครงการมาเข้าถนนประชาราษฎร์สาย 2 มาเชื่อมเข้าถนนเตชะวณิช และออกถนนพระราม 6 จะเห็นจุดขึ้นทางด่วนอยู่ทางฝั่งขวามือ
:: สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ ::
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ จุดเด่นของโครงการอยู่ห่างจาก MRT เตาปูนประมาณ 500 ม. เป็น Interchange Station ระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน และยังเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ซึ่งตอนนี้เปิดให้ใช้บริการแล้ว
ถ้าอยากจะใช้บริการ BTS ก็นั่ง MRT ไปลงที่หมอชิตเพียง 3 สถานี และถ้าจะใช้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ก็ห่างเพียง 1 สถานี คือสถานีบางซ่อนและสถานีกลางบางซื่อ ตรงสถานีบางซื่อจะเป็นจุดเชื่อมกับสายสีแดงเข้มอีกด้วย เรียกว่าเป็นทำเลที่สามารถใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางเป็นหลักได้เลย
โดยทางออกที่เดินไปสะดวกที่สุดจะเป็นทางออกที่ 3 ข้าง ๆ กับตลาดเตาปูนนะคะ
และหน้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เลยมีรถเมล์วิ่งผ่านหลายสาย จะใช้บริการเรียกวินมอเตอร์ไซค์ หรือถรถแท็กซี่ก็สะดวกค่ะ และด้วยทำเลโครงการที่อยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทาง ด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา โดยท่าเรือที่ใกล้ที่สุดก็คือท่าเรือบางโพ เราสามารถนั่ง MRT มาลงสถานีบางโพและเชื่อมต่อลงท่าเรือได้เลย ถือว่ามีตัวเลือกในการเดินทางเยอะดีค่ะสำหรับทำเลนี้ ไม่มีรถส่วนตัวก็สามารถอยู่โครงการนี้ได้สบาย
ความอุดมสมบูรณ์ เนื่องจากว่าทำเลของโครงการนั้นเป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่า จึงมีความอุดมสมบูรณ์อยู่ในตัว ไม่ว่าจะเป็นตลาด, ร้านค้า หรือร้านอาหาร ก็มีอยู่ตลอด 2 ข้างทางของถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และถนนประชาราษฎร์สาย 2 ค่ะ ใกล้เคียงกับโครงการจะมีตลาดเตาปูน ภายในมีทั้งร้านค้า, ร้านอาหาร และมีส่วนที่เป็นตลาดสดด้านใน ถัดออกมาอีกมีตลาดบางโพ หรือจะไปตลาดบางซ่อน และตลาดอตก. ก็ไม่ไกลจากโครงการ
แถมยังมี Shopping Mall และ Hypermarket ในระยะไม่กี่กิโล ทั้ง Lotus’s ประชาชื่น, Gateway บางซื่อ, Makro สามเสน และ Big C วงศ์สว่าง แค่ในทำเลเดียวก็มีครบทุกแบรนด์ดังแล้ว ถ้าจะซื้อของเข้าบ้าน คือไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองหรือไปโซนอื่นเลย
แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศไปเดินเล่นหาซื้อของในวันหยุด ก็จะมีตลาดนัดจตุจักร, Central ลาดพร้าว และ Union Mall ที่อยู่ใกล้มาก ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 3-4 สถานีถึง หรือจะนั่งรถไฟฟ้าเข้าเมืองไปห้างโซนสยาม ก็ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม. ค่ะ
:: สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ ::
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
โรงพยาบาล
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
อื่นๆ
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
เราจะเดินทางไปสู่ตัวโครงการโดยใช้รถยนต์ส่วนตัวกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนรัชดาภิเษก > ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี > The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์
จากถนนวิภาวดี-รังสิต เราขึ้นทางยกระดับมาลงที่ถนนรัชดาภิเษก โดยมุ่งหน้าไปทางสะพานพระราม 7 ค่ะ
จากนั้นให้เราชิดขวาแล้วขึ้นสะพานข้ามคลองประปา
ลงมาจากสะพานให้เรามุ่งหน้าไปทางเตาปูนค่ะ
ข้างหน้าจะมีสะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง ให้เราชิดซ้ายเอาไว้
ให้เรามุ่งหน้าไปทางเตาปูนโดยเลี้ยวซ้ายเข้าถนนกรุงเทพ-นนทบุรีค่ะ
ถนนกรุงเทพ-นนทบุรีจะเป็นถนนใหญ่ขนาด 4 เลน เป็นทำเลที่มีความเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยสูง ตลอด 2 ข้างทางจะเป็นอาคารพาณิชย์, ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ, ร้านอาหาร, ปั๊มน้ำมัน และธนาคารอีกหลายสาขา
เมื่อสักครู่เราเพิ่งผ่านปั๊ม ปตท. มา ตอนนี้เราเจอปั๊มเชลล์อีกปั๊มค่ะ
เราขับรถลอดใต้ทางด่วนศรีรัชและข้ามทางรถไฟฟ้าแล้ว ข้างหน้าของเราก็คือ MRT สถานีบางซ่อน ค่ะ
ตรงไปข้างหน้าเราจะเจอสยามแก๊สอีกปั๊ม แสดงว่าเราใกล้ถึงโครงการแล้ว ให้เราชิดซ้ายได้เลย
ตรงมาจากสถานีบางซ่อนประมาณ 1 กม. เราก็จะถึงโครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ แล้วค่า
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
พื้นที่โดยรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยค่ะ ติดกับถนนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ พอเข้าไปภายในซอยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยดั้งเดิมของคนในพื้นที่ พื้นที่ใกล้เคียงพอจะมีคอนโดสูงขึ้นอยู่บ้างแต่ยังไม่เยอะ ไม่ค่อยมีผลต่อวิวที่ได้
เรามาเดินดูบรรยากาศโดยรอบโครงการกันค่ะ เริ่มจากฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการจะเป็นร้านขายแอร์ ติดกับร้านขายแอร์ทั้ง 2 ฝั่งเป็นอาคารพาณิชย์
หันไปทางฝั่งขวามือ มุ่งหน้าไปทาง MRT บางซ่อน สำหรับใครที่ต้องการติดต่อเพื่อเยี่ยมชมโครงการและห้องตัวอย่าง สำนักงานขายจะอยู่บริเวณหน้าโครงการเลยค่ะ
ภาพบรรยากาศภายในสำนักงานขาย
ติดกับสำนักงานขายก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ค่ะ
แต่ละคูหาเปิดเป็นร้านค้ามากมาย
นอกจากร้านค้าขายของแล้วก็มีร้านอาหารอยู่เป็นระยะ ๆ ร้านนี้คือร้านลาบร้อยเอ็ด
ไม่ไกลกันมีร้านขายยาค่ะ เจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ เดินมาหาเภสัชซื้อยาได้
ถัดมามีปั๊มน้ำมันสยามแก๊ส
อาคารพาณิชย์ช่วงถัดมาก็จะมีทั้งร้านส้มตำและคลินิกรักษาสัตว์
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามมี 7-11 อยู่ 1 สาขา เดินจากโครงการมาประมาณ 120 เมตรเอง
ไม่ไกลกันมีทางม้าลาย รวมไปถึงธนาคารทหารไทยธนชาตและปั๊มเชลล์
กลับมาที่หน้าโครงการ หันไปทางฝั่งซ้ายมือมุ่งหน้าไปทางแยกเตาปูน ซึ่งพื้นที่ที่ติดกับทางเข้าโครงการฝั่งนี้ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์อีกเช่นกัน
ชั้น 1 ของอาคารเปิดเป็นร้านขายของและกิจการต่าง ๆ มีร้านตัดผม, ร้านซ่อมรถ, ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า
ร้านขายข้าวต้มปลาและร้านโชห่วยย่อม ๆ
ใกล้ ๆ กันมีร้านตัดชุด-เช่าชุดสำหรับออกงานกลางวันและกลางคืน
มีร้านขายอาหารอีสานและข้าวแกง ทานง่าย ๆ เร็ว ๆ
มองไปที่ฝั่งตรงข้ามก็มีร้านอาหารอยู่หลายร้านนะคะ ที่เห็นอยู่นี้ก็คือร้านสุกี้บุฟเฟต์ และร้านชาบูค่ะ
และตรงจุดกลับรถจะมีธนาคารกรุงศรี
เราเดินกันต่อไปจะเห็นร้านอาคารอีกหลายร้าน
และคลินิกเฉพาะทาง คลินิกทันตกรรมก็มีค่ะ
รวมไปถึงธนาคารกรุงไทยอีก 1 สาขา สังเกตว่าถ้าเราเห็นทำเลไหนที่มีธนาคารตั้งอยู่หลายสาขาแบบนี้ แสดงว่าทำเลนั้นมีความเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยสูง มีความอุดมสมบูรณ์ อยู่ง่าย และสะดวกสบายค่ะ
เลยไปอีกจะมีโชว์รูมฮอนด้า
ช่วงที่ใกล้ถึงตัวสถานีเตาปูน จะยิ่งมีความคึกคักและมีความหนาแน่นของร้านค้าและร้านอาหารมากขึ้น
เดินจากหน้าโครงการมาประมาณ 500 เมตร เราก็จะถึง MRT สถานีเตาปูนแล้วค่ะ ซึ่งจุดนี้จะเป็นทางออกหมายเลข 3 นะ
ติดกับทางออกสถานีก็คือตลาดเตาปูนค่ะ ภายในมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่หลายร้านมาก และด้านในก็จะมีโซนที่เป็นตลาดสดด้วย
:::: ตัวโครงการ ::::
The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ เป็นคอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร ในสไตล์ Tropical Luxury บนพื้นที่โครงการขนาด 2-1-97.1 ไร่ มีห้องชุดพักอาศัยจำนวน 486 ยูนิต และร้านค้าเพื่ออำนวยความสะดวกอีก 1 ยูนิต ที่มาพร้อมกับ Smart Life Concept ที่เพิ่มเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้าไปภายในโครงการ เพื่อความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Home Automation, Smart Locker, EV Charger, Facilities Resevation System, Car Smart Access และ Smart Parking
รวมไปถึง Well Building Concept เพื่อสุขภาพกายและใจของผู้อยู่อาศัย ทั้งระบบ Air+ System ตรวจสอบสภาพอากาศภายในพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด, ระบบกรองน้ำประปาภายในโครงการ ทำให้น้ำภายในโครงการสะอาดกว่าที่อื่น, ตู้ปลูกผัก Nano Garden, หลอดไฟภายในโครงการแบบ LED (Non-UV), Facilities รองรับคนรักสุขภาพ และการออกแบบสภาพแวดล้อมภายในโครงการที่ดี เงียบสงบ และเป็นส่วนตัว
เรามาดูผังโครงการกันค่ะ เริ่มจากบริเวณทางเข้าโครงการจะอยู่ติดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ผ่านป้อมรปภ. และระบบรักษาความปลอดภัยมาถึงจุด Drop-off เพื่อเข้าสู่ตัวอาคาร หรือวนไปด้านหลังอาคารตามเข็มนาฬิกาเพื่อขึ้นสู่อาคารจอดรถ โดยบริเวณหน้า Drop-off จะมีสวนพักผ่อนสำหรับนั่งเล่นพักคอยได้
บริเวณโดยรอบโครงการออกแบบให้เป็น Jogging Track สำหรับสายรักสุขภาพสไตล์ Outdoor นอกจากนี้ยังมี EV Charger สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และ Car Washing Area รองรับการล้างรถเองได้ค่ะ
จากถนนกรุงเทพ-นนทบุรีตรงเข้าไปภายในโครงการ
สำหรับตัวอาคารจะถูกเซ็ตจากถนนใหญ่เข้าไปประมาณ 120 เมตร ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น มีการออกแบบทางเท้าทางฝั่งขวาพร้อมหลังคาคลุมกันแดดกันฝน ให้คนที่ต้องการเดินเท้าสามารถเดินเข้า-ออกได้สะดวก รวมไปถึงการจัด Landscape โดยรอบโครงการ ช่วยสร้างบรรยากาศให้ดูร่มรื่นและสวยงาม
การเข้า-ออกโครงการจะต้องผ่านระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. โดยจะใช้ระบบ Smart Car Access สแกนเลขทะเบียนรถ ลูกบ้านภายในโครงการจะสามารถขับรถผ่านป้อมยาม, Gate Barrier และกล้อง CCTV เข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วน Visitor จะต้องทำการแลกบัตร และตรวจสอบความปลอดภัยตามมาตรฐานของโครงการก่อนทุกครั้ง
ตรงเข้าไปภายในโครงการ จะมีทางวนเข้าใต้ Canopy เป็นจุด Drop-Off สำหรับส่งลูกบ้านเข้า Lobby และมีทางวนไปด้านหลังอาคารวนตามเข็มนาฬิกาเพื่อขึ้นสู่อาคารจอดรถ โดยที่บริเวณด้านข้างจะมี EV Charger รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า, Car Washing Area บริเวณด้านหลังอาคาร และที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ Smart Parking เป็นระบบนับรถแสดงช่องจอดรถที่ยังว่าง เหมือนกับในห้างสรรพสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกค่ะ
ด้านหน้าจุด Drop-Off จะมีสวนที่เรียกว่า Aromatic Garden Seating และ Multi-Purpose Area
เป็นพื้นที่ที่ถูกโอบล้อมด้วย Landscape ที่สวยงาม เราสามารถมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจหรือนั่งพักคอยได้
คราวนี้เราเดินเข้าไปที่ใต้ Canopy ทางฝั่งซ้ายคือทางเข้า Lobby และทางฝั่งขวาคือ Shop ที่จะมีร้านค้ามาลงในอนาคต แต่จะเป็นร้านอะไรเดี๋ยวต้องรอดูกันค่ะ
ชั้น 1 พอเราเข้ามาภายในอาคารแล้วส่วนแรกจะเป็น Lobby Lounge เชื่อมต่อกับ Co-Working Space และโถงทางเดินไปยัง Meeting Room, Juristic Office, Mail Room และ Lift Lobby ภายใน Lift Lobby จะมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 2 ตัว Laundry Room ก็จะอยู่ภายในส่วนนี้ด้วย ส่วนลิฟต์ขนของจะเข้าได้จากทางทางเข้าทางฝั่งที่จอดรถค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Lobby Lounge ถูกตกแต่งให้ดูหรูหรา แต่ยังดูเป็นพื้นที่สำหรับการพักผ่อน มีชุดโซฟาจัดเอาไว้ให้สำหรับนั่งเล่นพักคอย และมีการสร้างมุมสีเขียวภายใน เพื่อให้รู้สึกว่าใกล้ชิดกับธรรมชาติ สร้างความผ่อนคลายได้ดี เรามองไปด้านหลังจะมีประตูกระจกเชื่อมต่อกับ Co-Working Space ค่ะ
ภายใน Co-Working Space ถูกตกแต่งให้ดู Homey ดูอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยพื้นลายไม้ปูแบบลายก้างปลาและพรม มีการจัดชุดโซฟาเอาไว้ให้หลายชุดเลยค่ะ จะนั่งแบบเดี่ยว หรือนั่งแบบเป็นกลุ่มก็ได้
ซึ่งลักษณะของการจัดโซฟาก็รองรับการใช้งานหลายแบบนะคะ ไม่ว่าจะเป็นอาร์มแชร์สำหรับการนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือสบาย ๆ หรือจะเป็นโต๊ะยาวสำหรับทำงานแบบจริงจัง
ถ้าใครที่มากับกลุ่มเพื่อน ต้องการความรู้สึกที่ได้พื้นที่ส่วนตัวอีกหน่อย ก็จะมีมุมนั่งเล่นข้างห้องที่ออกแบบมาให้เป็น Pod จัดที่นั่งเป็นรูปตัว U แบบนี้ค่ะ โดยลำโพงข้างบนจะเป็นลำโพงสำหรับฟังเพลง ที่เราสามารถเปิดเพลงฟังกันแบบส่วนตัวได้ด้วย
และจาก Co-Working Space ก็จะมีโถงทางเดินไปยังห้องน้ำค่ะ เป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง และห้องน้ำแบบ Unisex
ภายในห้องน้ำตกแต่งกระเบื้องโดยคุมโทนให้เข้ากับการตกแต่งโดยรวม ดูสะอาด น่าใช้งาน และไม่ทำให้รู้สึกว่าอับ
กลับออกมาที่ Lobby Lounge จะมีประตูเชื่อมต่อกับโถงทางเดินไปยัง Meeting Room, Juristic Office, Mail Room และ Lift Lobby ค่ะ
ภายในโถงก็มีการจัดชุดเก้าอี้เอาไว้ให้สำหรับนั่งพักคอยได้ ทางฝั่งซ้ายมือของโถงทางเดินจะเป็น Meeting Room และ Juristic Office ตรงกลางคือ Lift Lobby และ ทางฝั่งขวามือคือ Mail Room
สำหรับการเข้าออกพื้นที่ส่วนกลางแต่ละส่วน รวมไปถึง Meeting Room เอง จะต้องใช้ Key Card ในการผ่านเข้าไปเพื่อความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของลูกบ้าน
ถ้าใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการคุยงาน รวมไปถึงการประชุมแบบออนไลน์ ก็สามารถมาใช้ Meeting Room นี้ได้ ภายในจะมีโต๊ะและหน้าจอทีวีจัดเอาไว้ให้รองรับการใช้งาน ซึ่งหน้าจอทีวีที่ทางโครงการเลือกใช้จะเป็น Samsung Flip หรือหน้าจออัจฉริยะ ที่เราสามารถเขียนหรือจดบันทึกหน้าจอ และกดบันทึก Export เข้ามือถือได้ด้วย นับเป็น 1 ใน Smart Function ที่น่าสนใจค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Mail Room เดินเข้าไปด้านในจะมี Smart Locker เป็นตู้ฝากพัสดุตลอด 24 ชม. เพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบาย
สำหรับ Lift Lobby เราก็ต้องใช้ Key Card ในการผ่านเข้า-ออกเช่นกันค่ะ
ภายในมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 2 ตัว เป็นลิฟต์ของ Kone รองรับได้ประมาณ 18 คน/เที่ยว ภายในมีปุ่มกดรองรับการใช้งานสำหรับผู้ที่ใช้รถเข็นด้วย
ทางฝั่งซ้ายของโถงลิฟต์จะมีโถงทางเดินที่เชื่อมต่อกับประตูทางเข้าอาคารฝั่งที่จอดรถและ Laundry ค่ะ
ภายใน Laundry มีเครื่องซักผ้า-อบผ้า และตู้กดน้ำจัดเอาไว้ให้ตามภาพ
ชั้น 7-10 ตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไปจะเป็นส่วนของ Residential Zone แล้วค่ะ ซึ่งภายใน Tower จะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 16 ห้องด้วยกัน โดยจะมีพื้นที่ห้องห้องหนึ่งที่ถูกออกแบบให้เป็น Co-Kitchen ส่วนพื้นที่ภายนอก Tower นั้นถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่สวน The Garden พอขึ้นไปที่ชั้น 8-10 ก็จะเหลือเฉพาะส่วน Tower ซึ่งพื้นที่ที่เคยเป็น Co-Kitchen ก็จะกลายเป็นห้องพักอาศัยอีก 1 ห้อง ทำให้มีจำนวนห้องอยู่ที่ 17 ห้อง/ชั้นค่ะ
เรามาดูในส่วนของ The Garden กันค่ะ ทำบรรยากาศออกมาได้ดีพอสมควร รอพวกต้นไม้ยืนต้นรอบ ๆ โตกว่านี้ ก็จะร่มรื่นมากขึ้นค่ะ
มีการออกแบบ Sunken Seat เป็นม้านั่งรูปวงกลม เหมาะมาก ๆ สำหรับการนั่งล้อมวงคุยกันสบาย ๆ ที่นั่งก็มีเบาะและหมอนอิงจัดเอาไว้ให้
อีกส่วนจัด Daybed เอาไว้ให้ พื้นที่ถูกออกแบบให้ลดระดับลงไปเป็นขั้นบันได ได้ประโยชน์ในแง่ของความรู้สึกที่เป็นส่วนตัวด้วยพื้นที่ที่ต่างระดับกัน
อีกฝั่งก็มีมุมม้านั่งอีก 2 จุดแยกส่วนกันเพื่อความเป็นส่วนตัวของคนที่มาใช้งานแต่ละกลุ่ม
ภาพบรรยากาศโดยรวมอีกมุมหนึ่ง
คราวนี้เราเข้าไปดูภายใน Co-Kitchen กันต่อค่ะ
ภายใน Co-Kitchen จะเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เราได้ชมวิวจากชั้นสูง ด้วยการออกแบบผนังกระจกขนาดใหญ่เปิดรับวิวเมือง
ในห้องมี Long Table ขนาด 10-12 ที่นั่งจัดเอาไว้ให้ รองรับการ Dinner กับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนแบบส่วนตัวได้ ซึ่งทางโครงการจะมี Facilities Resevation System รองรับการจองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างง่ายดายผ่านทาง Mobile Application ค่ะ
แถมภายในห้องยังมีชุดครัวแบบ Full Function ไม่ว่าจะเป็นตู้แช่, อ่างล้างจาน, เตาปรุงอาหาร, เตาอบ และเตาไมโครเวฟมาให้ครบ จะเชิญเชฟมาทำอาหารให้รับประทานกันก็ได้นะ
และที่น่าสนใจก็จะเป็นเจ้าตู้นี้ค่ะ มันคือตู้ปลูกผัก Nano Garden ที่ลูกบ้านสามารถนำไปปรุงอาหารได้ โดยผู้ดูแลและแจกจ่ายจะเป็นฝ่ายนิติบุคคล
ชั้น 21-33 จะเป็น Typical Floor Plan เป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด จะเห็นว่าทางโครงการมีการออกแบบในส่วน Tower ให้เป็นรูป L Shape ช่วยเปิดรับวิวในแต่ละฝั่งได้มากขึ้น ซึ่งแต่ละชั้นก็จะมีจำนวนห้องพักอาศัยอยู่ที่ 17 ห้อง โดยมีการจัดวางผังอาคารแบบ Double Corridor ซึ่งประตูห้องพักอาศัยส่วนใหญ่จะถูกจัดให้ไม่ตรงกัน เพื่อความเป็นส่วนตัวเวลาเข้า-ออกห้อง จะได้ไม่เปิดมาเจอใครตรง ๆ
ชั้น 34 จะมีพื้นที่ห้องบางส่วนที่หายไปเพื่อใช้เป็นพื้นที่งานระบบของสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้น 35 ทำให้ชั้นนี้มีจำนวนห้องพักอาศัยอยู่ที่ 10 ห้อง ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
ชั้น 35 มีการออกแบบพื้นที่บางส่วนของอาคารให้กลายเป็น Main Facilities ซึ่งจะเป็นส่วนของ Sky Pool และ Sky Lounge โดยจะมีการกั้นประตู Key Card แยกส่วนของห้องพักอาศัยออกไป เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านบนชั้นนี้
ออกมาจากโถงลิฟต์ชั้น 35 ประตูแรกคือ Sky Lounge และประตูถัดไปจะเป็น Sky Pool ค่ะ
เปิดออกไปจะเป็นทางเดินตรงลงสระทางเดียว
ด้านข้างมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงจัดเอาไว้ให้
ภาพบรรยากาศภายในห้องน้ำหญิง ด้านหน้าจะเป็นส่วนของอ่างล้างมือ
ด้านในจะมีตู้ล็อกเกอร์, ห้องน้ำ, ห้องอาบน้ำ, และห้องสตีมจัดเอาไว้ให้
ส่วนห้องน้ำชายจะเป็นห้องซาวน่าแทนค่ะ
สำหรับสระว่ายน้ำของโครงการเป็นสระระบบเกลือ ขนาด 8 x 15 เมตร ล้อมรอบด้วยราวกันตกกระจก ทำให้เราชมวิวได้วิวเมืองและวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบเต็มสายตา 180 องศา ภายในสระมีการออกแบบบางส่วนให้เป็น Shallow Pool สามารถนั่งแช่น้ำชมวิว หรือพาเด็กลงเล่นได้
ด้านข้างสระมีการออกแบบ Rain Shower เลียนแบบและจำลองเสียงน้ำตก เพื่อสร้างบรรยากาศให้เหมือนอยู่ในธรรมชาติมากขึ้น ถ้าเรานั่งอยู่ใน Sky Lounge ก็จะยังคงได้ยินเสียงน้ำตกเบา ๆ ค่ะ 
มาดู Sky Lounge กันต่อค่ะ ภายในมีการออกแบบให้ห้องเปิดรับวิวโดยรอบด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ทั้ง 3 ด้าน
ภายในห้องมีโต๊ะพูลจัดเอาไว้ให้เล่นกันได้เพลิน ๆ
มีชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ
รวมไปถึง Mini Bar และ Pantry สามารถเตรียมไวน์และขนมขบเคี้ยวมาดื่มกินกับเพื่อน ๆ ได้ โดยห้องนี้ก็จะเป็น Facility อีกส่วนที่รองรับการ Reserve สำหรับการสังสรรค์แบบส่วนตัวได้ค่ะ
ชั้น 36 ในส่วนห้องพักอาศัยจะมีการวางแปลนแบบเดิม โดยจะมีการกั้นประตู Key Card แยกส่วนออกไป ส่วนฝั่ง Facility จะมีการออกแบบให้เป็น Fitness Room ค่ะ
ขึ้นมาที่โถงลิฟต์ชั้น 36
Fitness Room ก็จะเป็นอีกห้องที่มีการออกแบบให้เปิดรับวิวด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ถึง 3 ด้าน พื้นที่ภายในห้องมีความกว้างขวาง มีเครื่องออกกำลังกายจัดเอาไว้ให้ครบเลยค่ะ สำหรับการ Cardio ก็จะมี ลู่วิ่งไฟฟ้า, เครื่องเดินวงรี และจักรยานไฟฟ้า
ในส่วนของการ Weight Training จะมีชุดดัมเบลแบบคละน้ำหนัก และม้านั่งราบจัดเอาไว้ให้ที่หน้ากระจกเงา
รวมไปถึง Multi-Function Machine สำหรับออกกำลังกายกล้ามเนื้อแต่ละส่วน และโซน Boxing สำหรับการฝึกต่อยมวย
จาก Fitness Room มองทะลุกระจกออกไป ก็จะได้วิวของสระว่ายน้ำ, วิวเมือง และวิวแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ช่วงนี้ฝุ่น PM 2.5 จะเยอะหน่อย พอถ่ายรูปออกมาอาจจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
มองไปอีกฝั่งจะสามารถเห็น MRT สถานีเตาปูน ได้ด้วย
ชั้น Rooftop มีการออกแบบพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นพื้นที่สวนสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและชมวิว
xxx รอภาพจากทางโครงการ xxx
ส่วนแรกจะเป็น Sky Pod เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อน โดยออกแบบให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้วยการล้อมเหล็กดัดตกแต่งรอบ ๆ
และจะมีบันไดเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อีกส่วนค่ะ
พอเดินขึ้นไปจะเจอกับ Observation Terrace เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของโครงการ จะถ่ายรูปทำ Content ก็ย่อมได้ค่ะ
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นม้านั่งสำหรับพักผ่อนบนจุดสูงสุดของโครงการ
:::: แบบห้องของโครงการ ::::
ภายในโครงการจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 4 แบบใหญ่ ๆ ดังนี้ค่ะ
Studio 1 ขนาด 22.25-22.50 ตร.ม.
1 Bedroom 1 ขนาด 26.50-27.50 ตร.ม.
1 Bedroom 2 ขนาด 27.25-27.50 ตร.ม.
1 Bedroom 3 ขนาด 29.50 ตร.ม.
1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม.
2 Bedroom ขนาด 49.25-50.25 ตร.ม.
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
เราจะพาไปดูห้องตัวอย่าง 2 แบบด้วยกันค่ะ แบบแรกเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.50 ตร.ม. และอีกแบบเป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. ค่ะ
::: ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.25 ตร.ม. :::
ห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.25 ตร.ม. เป็นห้องที่เหมาะสำหรับรองรับผู้อยู่อาศัยประมาณ 1-2 คน โดยมีการแบ่งพื้นที่ห้องอย่างเป็นสัดส่วน ระหว่างโซน Living Area, ห้องนอน, ห้องครัว และห้องน้ำ โดย Living Area จะกั้นส่วนจากห้องนอนและห้องครัวด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้ห้องดูโปร่งและได้รับแสงธรรมชาติมากขึ้น ส่วนระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัว ช่วยทำให้ระบายกลิ่นจากการปรุงอาหารได้ดีมากยิ่งขึ้น ห้องภายในโครงการนี้จะขายแบบ Fully Fitted ได้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ, เคาน์เตอร์ครัว และตู้เสื้อผ้าค่ะ
เริ่มจากประตูทางเข้าห้องจะได้ประตูบานสำเร็จรูป HDF ติด Digital Door Lock ของ Unicor มาให้ ใช้งานได้ 3 ระบบค่ะ ทั้งการใช้ Key Card, Password และกุญแจ
เข้ามาภายในห้องเราจะเจอส่วน Living Area ก่อน ส่วนนี้จะประกอบด้วยห้องนั่งเล่นและส่วนรับประทานอาหารค่ะ
ห้องตัวอย่างห้องนี้ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์และ Finishing มาให้เราดูเป็นไอเดีย เพื่อให้เห็นบรรยากาศเวลาที่เราเข้ามาอยู่อาศัย พื้นห้องจะปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม., ผนังฉาบเรียบติดวอลล์เปเปอร์สีเทาอ่อน ส่วนฝ้าเพดานมีความสูงอยู่ที่ 2.7 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบติดดวงโคมดาวน์ไลต์ LED แบบ Non-UV มีแอร์ของ Daikin ขนาด 9,000 BTU ติดตั้งมาให้ที่บริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน ห้องละ 1 ตัว และมีระบบป้องกันอัคคีภัยเกือบทุกจุด
อีก Smart Function ที่ทางโครงการให้มาก็คือระบบ Home Automation สำหรับควบคุม ปลั๊ก, ไฟ, ทีวี และเครื่องปรับอากาศอย่างละ 1 จุด ผ่าน Pruksa Application ทำให้การใช้ชีวิตทั้งภายในและภายนอกห้องเป็นไปอย่างสะดวกสบาย
ส่วนปลั๊กไฟที่ใช้ทั่วไปภายในห้องจะใช้ของ Art DNA ค่ะ
เรามาดูในส่วนของห้องนั่งเล่นกันก่อนค่ะ พอจัดเฟอร์นิเจอร์ลงไปแล้วก็จะเหลือระยะสำหรับเดินผ่านและนั่งดูทีวีประมาณนี้
ส่วนนี้เราวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกาแฟได้แบบนี้
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็วางชั้นวางทีวีได้ แนะนำเป็นทีวีขนาด 42-50 นิ้วค่ะ จะกำลังพอดีกับระยะห้อง จะทำ Built-in เป็นชั้นเก็บของสวย ๆ สไตล์นี้ก็ได้ แต่จะขอแนะนำให้ทำตู้เก็บรองเท้าเพิ่มด้วย เวลาเข้ามาอยู่อาศัยจริงห้องจะได้ดูเรียบร้อย
ถัดมาด้านข้างเราวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบเข้ามุมพร้อมเก้าอี้นั่งได้ 2 ตัว
จาก Living Area จะเชื่อมต่อกับห้องนอน, ห้องน้ำ และห้องครัว โดยห้องนอนกับห้องครัวจะถูกกั้นส่วนออกไปด้วยประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอะลูมิเนียมแบบ 3 ตอน ทำให้ห้องดูโปร่ง และสามารถรับแสงธรรมชาติได้ทั้ง 2 ทาง
สำหรับห้องนอนจัดพื้นที่ให้มีขนาดกำลังพอดีลงตัวกับเตียงนอนขนาด 5 ฟุตค่ะ
ในห้องนี้เราจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาด้วย หน้าตาตามแบบเฟอร์นิเจอร์มาตรฐานของโครงการ ภายในมีราวแขวนเสื้อผ้า, ชั้นวางของ และลิ้นชักจัดเอาไว้ตามภาพ
พื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับตู้เสื้อผ้ายังสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อีก 1 ตัวนะคะ และถ้าใครที่ต้องการติดตั้งทีวีภายในห้องนอน แนะนำเป็นทีวีแบบแขวนผนังแบบนี้
จะยังเหลือพื้นที่พอเดินผ่านและเปลี่ยนผ้าปูเตียงได้
ตามที่บอกค่ะว่าห้องนี้จะพอดีกับเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เป็นขนาดที่ห้องตัวอย่างจัดมาให้ดู และยังวางโต๊ะข้างตัวเล็ก ๆ ข้างเตียงเพิ่มได้อีก 1 ตัว
ห้องนี้จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ และมีช่องระบายอากาศเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งกรอบอะลูมิเนียมติดกระจก Euro Grey บนฝ้าติดรางม่านมาให้ 2 ราง สำหรับม่านโปร่งและม่านทึบแสง
เราไปดูห้องน้ำกับห้องครัวกันต่อเลยค่ะ บริเวณโถงระหว่างพื้นที่ 2 ห้องก็สามารถทำ Built-in เป็นตู้เก็บของเพิ่มได้นะคะ เพราะผนังจะเซ็ตเข้าไปประมาณ 30 ซม.
ภายในตกแต่งพื้นและผนังด้วยกระเบื้องเซรามิก ส่วนสุขภัณฑ์ใช้ของ Cotto ทั้งหมด ใช้การระบายอากาศด้วยระบบของอาคาร โดยจะมีพัดลมดูดอากาศติดตั้งมาให้บนฝ้า 1 ตัว
อ่างล้างมือเป็นอ่างฝังบนเคาน์เตอร์สำเร็จรูป มีปลั๊กไฟพร้อมฝาครอบกันน้ำติดมาให้ด้านข้าง เผื่อการใช้ไดร์เป่าผมหรือที่โกนหนวดไฟฟ้า ใต้เคาน์เตอร์มีตู้ให้พอเก็บของได้
จุดที่ชอบก็คือทางโครงการเขาทำชั้นวางของ Built-in และติดหน้าบานเปิดเป็นกระจกเงาให้ทั้ง 3 บาน ใช้เก็บของที่ต้องใช้ภายในห้องน้ำได้เยอะเลยค่ะ
ถัดมาเป็นโถสุขภัณฑ์ระบบ Dual Flush พร้อมสายฉีดชำระ และที่แขวนกระดาษชำระ
ด้านในสุดเป็นโซน Shower มีฉากกั้นอาบน้ำ Tempered Glass แบบบานเปิดติดตั้งมาให้ หน้าบานติดมือจับที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้
ขนาดพื้นที่ยืนอาบน้ำด้านใน
ภายในติดตั้งชุด Rain Shower และ Hand Shower พร้อมราวปรับระดับและก๊อกผสม รวมถึงเจาะผนังทำเป็น Drop Wall สำหรับวางขวดสบู่ให้เรียบร้อยค่ะ
เราเข้ามาดูภายในห้องครัวกันต่อ และนี่ก็คือชุดเคาน์เตอร์ครัวที่เราได้มากับห้องค่ะ ด้านข้างยังเหลือพื้นที่กว้างราว ๆ 70-80 ซม. ให้วางตู้เย็นได้ สังเกตที่พื้นจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกผิวด้าน เพื่อให้เช็ดล้างทำความสะอาดพวกคราบอาหารได้ง่าย และเป็นห้องครัวปิดที่อยู่ติดกับระเบียง กั้นส่วนด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอน ใช้เปิดระบายอากาศและรับแสงธรรมชาติได้ดี
สำหรับ Top เคาน์เตอร์ครัวจะใช้หินสังเคราะห์ ติดตั้งอ่างล้างจานขนาด 1 หลุม และเตาเซรามิกขนาด 2 หัวของ Frank มาให้ ผนังด้านหลังก็ติดตั้ง Backsplash มาให้ โดยวัสดุจริง ๆ จะเป็นกระเบื้องเซรามิกนะ
ขนาดเตาปรุงอาหารขนาด 2 หลุม มีเครื่องดูดควันติดตั้งมาให้ด้านบนในตำแหน่งเดียวกัน
ขนาดอ่างล้างจาน พร้อมตะแกรงวางจาน และก๊อกน้ำทรงสูงหัวปรับซ้าย-ขวาได้
ใต้เคาน์เตอร์มีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 8 กก. และลิ้นชักเก็บของ พวกบานเปิดเป็นแบบ Soft Close และปิดหน้าบานด้วยลามิเนตลายไม้
บนตู้ลอยก็มีตู้สำหรับเก็บของได้อีกพอสมควร และมีชั้นสำหรับวางเตาไมโครเวฟ
ในส่วนของพื้นที่ระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ติดระแนงเหล็กเป็นราวกันตกให้ เป็นจุดที่ใช้แขวน Compressor และใช้ตากผ้าได้ โดยจะมีก๊อกสนามติดตั้งมาให้ 1 จุดเผื่อการซักล้างทำความสะอาดค่ะ
::: ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. :::
ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. เป็นห้องที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยประมาณ 2-3 คน เพราะห้องอเนกประสงค์นั้นสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนอีก 1 ห้องได้ สำหรับการออกแบบห้องนี้ จะทำให้เราได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะห้องนอน รวมไปถึงห้องอเนกประสงค์ จะถูกกั้นส่วนออกไปด้วยผนังทึบ แต่ด้วยความที่พื้นที่ห้องมีความกว้างขวางมากขึ้น เลยไม่ทำให้ห้องดูแคบ ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้ก็คือเป็นห้องที่มีหน้ากว้าง ทำให้พื้นที่ที่เราใช้ในการพักผ่อนอยู่อาศัย มีหน้าต่างสำหรับรับแสงธรรมชาติและระบายอากาศ ส่วนห้องน้ำและห้องครัวจะถูกจัดเอาไว้ให้อยู่ติดกับกำแพงฝั่งโถงทางเดินค่ะ
เข้ามาภายในห้องส่วนแรกจะเป็น Living Area ซึ่งจะประกอบด้วยห้องนั่งเล่นและห้องรับประทานอาหาร ห้องครัวและห้องอเนกประสงค์จะอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนห้องน้ำและห้องนอนจะอยู่ทางฝั่งขวามือค่ะ
ห้องนี้ถูกตกแต่งแบบ Fully Fitted ได้สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ, เคาน์เตอร์ครัว และตู้เสื้อผ้า Built-in ส่วนวัสดุภายในห้องที่ได้จะใช้ Spec เดียวกันกับห้อง 1 Bedroom แต่จะได้แอร์มา 3 ตัวนะคะ ใน Living Area จะเป็นแอร์ขนาด 12,000 BTU ส่วนห้องนอนและห้องอเนกประสงค์จะเป็นแอร์ขนาด 9,000 BTU ค่ะ
เรามองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้าห้อง
บริเวณหน้าห้องน้ำเป็นพื้นที่ที่เราสามารถทำ Built-in เป็นตู้เก็บรองเท้าและเก็บของเพิ่มเติมได้
ภายในห้องน้ำมีการวางแปลนและการตกแต่งไม่ต่างไปจากห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ สุขภัณฑ์ก็ใช้ของ Cotto เป็นรุ่นเดียวกันทั้งหมด โดยทางโครงการเลือกออกแบบให้ห้องน้ำอยู่บริเวณด้านหน้าห้อง และอยู่ติดกับห้องนอน เพื่อให้ใช้รองรับแขกได้ และเจ้าของห้องเองก็ยังสามารถใช้งานได้สะดวกอยู่
พื้นที่ด้านหน้าห้องอีกฝั่งจะอยู่ติดกับห้องครัว จัดเป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้พอดี
ส่วนพื้นที่ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง จะเหมาะสำหรับการจัดเป็นมุมนั่งเล่น เราวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, โต๊ะกาแฟ และชั้นวางทีวีได้พอดี
สำหรับประตูทางออกระเบียงจะเป็นประตูบานเลื่อนกระจกกรอบอะลูมิเนียมแบบ 2 ตอน เป็นช่องแสงหลักของห้องนี้
ส่วนพื้นที่ระเบียงจะมีขนาดใหญ่ขึ้นยาวเท่าหน้าห้องค่ะ
ภาพจากมุมระเบียงมองย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง
สำหรับครัวของห้องนี้ก็จะเป็นครัวแบบปิดเช่นเดียวกัน ความต่างก็คือจะไม่ส่วนที่เป็นผนังทึบกั้นเลย แต่จะทำเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบเข้ามุมแทน สามารถเปิดเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ห้อง หรือปิดเพื่อกันกลิ่นจากการปรุงอาหารได้
เคาน์เตอร์ครัวที่ได้จะใช้วัสดุต่าง ๆ รวมไปถึงเตาปรุงอาหาร, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานของ Frank เหมือนกับห้อง 1 Bedroom แต่จะมีการออกแบบเคาน์เตอร์เป็นรูป L Shape ให้เหมาะสมกับพื้นที่ ใต้ลิ้นชักมีตู้และลิ้นชักสำหรับเก็บของเพิ่มมากขึ้น และมีชั้นสำหรับวางเตาไมโครเวฟด้วย
บนตู้ลอยก็เช่นเดียวกันค่ะ
เราเข้าไปดูห้องอเนกประสงค์กันต่อเลย
ห้องตัวอย่างจัดห้องอเนกประสงค์ให้ดูเป็นห้องนอนเล็ก เพื่อให้เราเห็นว่าพื้นที่ห้องยังสามารถวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตและตู้เสื้อผ้าได้ลงตัว สำหรับครอบครัวไหนที่มีเด็ก ก็สามารถจัดแยกห้องนอนให้ได้ หรือถ้าใครที่ต้องการห้องทำงานส่วนตัว ห้องสำหรับงานอดิเรก ไลฟ์ขายของออนไลน์ ก็ใช้ห้องนี้ทำได้เช่นกัน ซึ่งห้องนี้ก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่ให้ และทางระบายอากาศเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งค่ะ
พื้นที่ห้องวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตได้ลงตัว ยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงเล็กน้อยให้พอเดินผ่านได้ หรือจะติดทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มก็ติดได้
ตู้เสื้อผ้าที่วางได้ก็จะเป็นตู้ขนาดมาตรฐานค่ะ
เราไปดูห้องนอนกันต่อ จะเห็นว่าอยู่ติดกับห้องน้ำเลยค่ะ อย่างที่บอกไปว่าจะเดินออกมาใช้งานก็สะดวก
พื้นที่ภายในห้องนอนจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น รองรับเตียงนอนขนาด 6 ฟุตได้ โดยห้องนี้ก็จะมีช่องแสงขนาดใหญ่และทางระบายอากาศติดตั้งมาให้เช่นกัน
ห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตกับโต๊ะข้างมาให้ดูพื้นที่และระยะโดยรวมของห้อง
ที่ฝั่งปลายเตียงยังติดทีวีแบบแขวนผนังเพิ่มได้
ส่วนพื้นที่ข้างห้อง เราก็จะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาด้วย ซึ่งจะได้ขนาดที่ใหญ่มากขึ้นค่ะ
:::: ราคา (ก.พ.65) ::::
ลงทะเบียนรับสิทธิ์พิเศษ คลิก https://www.pruksa.com/theprivacy/taopoon-interchange
สอบถามข้อมูลและโปรโมชันเพิ่มเติม โทร 1739
***ข้อมูลราคา และโปรโมชันอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ The Privacy เตาปูน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี เยื้องมาทางแยกเตาปูน ประมาณ 500 เมตร ซึ่งเป็นที่ตั้งของ MRT สถานีเตาปูนด้วย ภาพรวมของทำเลจะเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยเก่า ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ใช้ชีวิตได้ง่ายเพราะมีร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับ อย่างพื้นที่ติดถนนใหญ่ก็จะเป็นอาคารพาณิชย์ ส่วนใหญ่ก็เปิดเป็นกิจการ ทำร้านค้าและร้านอาหาร
ไม่ไกลจากโครงการก็มีพวกห้างสรรพสินค้า ไม่ว่าจะเป็น Hypermarket หรือ Shopping Mall ไม่ว่าจะเป็น Lotus’s ประชาชื่น, Gateway บางซื่อ หรือนั่งรถไฟฟ้าเชื่อมต่อไปยังโซนใกล้เคียงก็จะมี Central ลาดพร้าว ที่เราคุ้นเคยกันดี ทำเลนี้จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดในราคาที่ไม่แรงมาก แต่ยังได้ไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง สามารถเชื่อมต่อกับตัวเมืองชั้นในได้ง่าย อาจจะทำงานในละแวกโซนนี้ หรือทำงานโซนตัวเมืองชั้นก็ยังไปทำงานได้สะดวกค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว เดินทางได้สะดวก เพราะโครงการติดถนนใหญ่ กรุงเทพ-นนทบุรี สามารถเชื่อมต่อสู่ถนนสำคัญได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ถนนประชาราษฎร์ สาย 2, ถนนประชาชื่น, ถนนวงศ์สว่าง ใกล้สี่แยกเตาปูน, วงศ์สว่าง และบางโพ เข้า-ออกเมืองก็สะดวกค่ะ เพราะใกล้ทางด่วนศรีรัช ซึ่งอนาคตมีโครงการสะพานเกียกกาย ที่จะรองรับรถยนต์ได้ถึง 70,000 คันต่อวัน จะช่วยระบายรถยนต์โซนนี้ ให้เดินทางได้สะดวกมากขึ้น
การเดินทางโดยรถสาธารณะ จุดเด่นของทำเลนี้ก็คือ เป็นทำเลที่ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเดินทางได้สะดวก เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ที่มีรถเมล์, รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านตลอด ที่สำคัญก็คือ อยู่ใกล้ MRT สถานีเตาปูน เพียง 500 เมตร ซึ่งเป็น Interchange Station ระหว่างสายสีม่วงและสายสีน้ำเงิน สามารถนั่งต่อไปถึง BTS หมอชิตได้ใน 3 สถานี เข้าเมืองและเดินทางเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ รอบตัวเมืองกรุงเทพฯ ได้สะดวกแล้วค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็น High Rise Condominium ที่เน้นความเป็นส่วนตัวตามชื่อแบรนด์ The Privacy โดยออกแบบโครงการมาในสไตล์ Tropical Luxury ตกแต่งพื้นที่ภายในโครงการโดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางในทุก ๆ จุดให้ดูหรูหราน่าใช้งาน และได้ความรู้สึกที่เชื่อมต่อ หรือสัมผัสกับธรรมชาติได้ บางห้องมีการออกแบบโดยใส่พื้นที่สีเขียวลงไป บางห้องมีการออกแบบให้เปิดรับวิวด้วยผนังกระจกขนาดใหญ่ หรือบางห้องก็ออกแบบให้ได้ยินเสียงน้ำตก สร้างความสุนทรีย์ในการพักผ่อนอยู่อาศัยได้ดี
ความเป็นส่วนตัวอีกอย่างก็คือจำนวนยูนิตภายในโครงการมีไม่สูงมากนัก และมีการวางผังชั้นพักอาศัยแต่ละชั้นไม่ให้มีจำนวนยูนิตสูงจนเกินไป สูงที่สุดจะอยู่ที่ 17 ห้อง/ชั้น โดยออกแบบตัว Tower ให้เป็นรูปตัว L ทำให้รู้สึกว่าโถงทางเดินไม่ยาว และห้องไม่เยอะจนเกินไปค่ะ
ห้องพักอาศัยภายในโครงการก็มีการออกแบบผังได้ดี แม้จะเป็นห้องขนาดเล็กแต่ก็ออกแบบมาให้ดูโปร่งโล่ง รวมไปถึงมีฝ้าเพดานสูงถึง 2.7 เมตรก็ช่วยทำให้ห้องอยู่สบายมากขึ้น โดยห้องตัวอย่างที่เราเข้าไปชมกัน จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27.25 ตร.ม. มีการแบ่งสัดส่วนห้องได้ดี แต่ทางโครงการเลือกกั้นส่วนห้องนอนและห้องครัวด้วยประตูบานเลื่อนกระจก เพื่อให้ Living Area ยังสามารถรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น
ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.50 ตร.ม. จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาแล้ว เลยกั้นส่วนห้องอเนกประสงค์และห้องนอนด้วยผนังทึบ เพื่อทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ถึง 3 คน ส่วนวัสดุและสุขภัณฑ์ภายในห้องก็ได้มาค่อนข้างดี เรียบ ๆ แต่สวย เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ทั่ว ๆ ไปได้ง่าย รวมถึงระบบ Home Automation ที่ได้มากับห้อง ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้นไปอีกขั้น
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย ทางโครงการจัดมาให้ครบเลยค่ะ แล้วก็ออกแบบมาให้ดูสวยน่าใช้งานตามที่บอกไปแล้วเบื้องต้น รวมไปถึงการใส่เทคโนโลยีลงไปในแต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็น Lobby Lounge, Co-Working Space พร้อม Pod และลำโพงส่วนตัว, Meeting Room พร้อมหน้าจอ Samsung Flip ที่สามารถเขียนหรือจดบันทึกบนหน้าจอ และกดบันทึก Export เข้ามือถือได้, The Garden, Co-Kitchen พร้อมตู้ผัก Nano Garden,
Sky Pool, Sky Lounge และ Fitness Room ที่ชมวิวเมืองและแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 180 องศา, Sky Pods และ Observation Terrace จุดพักผ่อนชมวิวบนชั้นสูงสุดของโครงการ โดยจะมีระบบ Facilities Resevation System รองรับการจองการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างง่ายดายผ่านทาง Mobile Application
รวมไปถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เข้า-ออกโครงการแบบ Smart Access ด้วยระบบการจำเลขทะเบียนรถ, Smart Parking เป็นระบบนับรถแสดงช่องจอดรถที่ยังว่าง และ EV Charger รองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า รวมแล้วคือทางโครงการจัดมาให้ดีเลยค่ะ
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1739
WEBSITE : https://www.pruksa.com/theprivacy/taopoon-interchange
หากเพื่อน ๆ เห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
คอนโดใหม่ ทำเลอื่นๆ…ที่น่าสนใจ
คอนโด SO ORIGIN KASET INTERCHANGE
คอนโด ORIGIN Plug & Play Sirindhorn Station
คอนโด เสนา คิทท์ รังสิต-ติวานนท์ เริ่ม 899,000.
รีวิว Nue Mega Plus Bangna คอนโดติด Mega บางนา
รีวิว The Privacy Taopoon Interchange คอนโดใหม่ พร้อมเข้าอยู่
รีวิว SENA Kith MRT บางแค เฟส 2 ใกล้ MRT บางแค
คอนโด ไฮ ไรส์ สุขุมวิท 101 ใกล้ BTS ปุณณวิถี เริ่ม 1.45 ล้าน*
Atmoz Portrait ศรีสมาน
Kave Seed เกษตร ติด BTS สถานี ม.เกษตร
แสดงความคิดเห็น