EP.296 รีวิว คอนโด เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15 THE TREE Ladprao 15
สวัสดีค่ะผู้อ่านชาว Condonayoo ที่รักทุกคน วันนี้เราจะพามาชมโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ซึ่งเป็นคอนโดสร้างเสร็จ จาก พฤกษา เรียลเอสเตท กันค่ะ ตัวโครงการ ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. ห่างจาก รถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว เพียง 1.1 กม. เดินทางสะดวกเพราะเข้า-ออกได้หลายเส้นทาง และใกล้ถนนพหลโยธิน, ถนนวิภาวดี – รังสิต และ ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์
เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15 เป็นคอนโด Low-Rise สูง 8 ชั้น สไตล์ Neo Classic มี 1 อาคาร บนพื้นที่โครงการขนาด 1 – 2 – 92 ไร่ ห้องชุดพักอาศัย จำนวน 214 ยูนิต เป็นห้อง 1 Bedroom มีห้องให้เลือก 4 แบบคือ Superior, Deluxe, Premier และ Suite ขนาดเริ่มต้นที่ 22.30 ตร.ม. ขายแบบ Fully Fitted พร้อมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งตอนนี้ตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่เรียบร้อยแล้วค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการมีให้ครบครัน อาทิ Lobby, Mailbox, Glass House, Club House , Swimming Pool, Swimming Jet, Fitness, Blazing Space, Pool Deck, Garden, Roof Garden, Sky – Hight Garden, Social & Connection Space, ลิฟต์โดยสาร, ที่จอดรถ, Access Card Control, CCTV, รปภ. 24 ชม. ปัจจุบัน ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
ส่วนรายละเอียดของโครงการจะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตามอ่านที่ด้านล่างนี้ได้เลยค่ะ
ชื่อโครงการ | เดอะ ทรี ลาดพร้าว 15 THE TREE Ladprao 15 |
เจ้าของโครงการ | บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท / Pruksa |
เนื้อที่ทั้งหมด | 1 – 2 – 92 ไร่ |
จำนวนตึก | 1 อาคาร |
จำนวนชั้น | 8 ชั้น |
จำนวนห้อง | 214 ยูนิต |
ลักษณะห้องและขนาดห้อง |
|
ที่จอดรถทั้งหมด | 65 คัน คิดเป็น 30% (ไม่รวมการจอดซ้อนคัน) |
จำนวนลิฟต์ |
|
โซน | ลาดพร้าว |
ขนส่งสาธารณะ |
|
รถโดยสารที่ผ่าน | n/a |
ที่ตั้ง | ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม. |
กำหนดการ | เริ่มก่อสร้าง ประมาณ เม.ย. 2561 |
ปีที่สร้างเสร็จ | คาดว่าจะแล้วเสร็จ พ.ค. 2562 |
ราคา | เริ่ม 1.79 ล้านบาท* |
ราคาเฉลี่ยต่อ ตร.ม | 87,000 บาท/ตร.ม. |
ค่าส่วนกลางและกองทุน |
|
สถานที่สำคัญใกล้เคียง | ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
|
สิ่งอำนวยความสะดวก |
|
จุดเด่นของโครงการ | The Tree ลาดพร้าว 15“ เพราะชีวิตไม่ได้มีเพียงด้านเดียว….สงบ สนุก อิสระที่จะเลือก เริ่ม 1.79 ล้านบาท* |
:::: ที่ตั้งโครงการ ::::
ซอยลาดพร้าว 15 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
พิกัด : 13.815380, 100.572164
แผนที่จากทางโครงการ
ทำเลที่ตั้ง โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 ห่างจากถนนลาดพร้าว 900 เมตร ในช่วงลาดพร้าวตอนบน ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 1.1 กม. เท่านั้นค่ะ ภายในซอยเป็นแหล่งของบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ๆ ดั้งเดิมในย่านนี้ เงียบสงบและบรรยากาศดีทีเดียว พอออกมาที่ถนนใหญ่ลาดพร้าวจะเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย
เรื่องอาหารการกินนั้นก็หาทานได้ง่าย ตอนนี้ลาดพร้าวก็เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านห้าแยกลาดพร้าว – รัชดาภิเษก – พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
จากตัวโครงการนั้นสามารถเข้า – ออกได้หลายเส้นทางจากถนนใหญ่ที่ล้อมรอบทั้ง 3 เส้นด้วยกัน ทางหลักๆ เลยก็คือ ซอยลาดพร้าว 15 และจากถนนลาดพร้าวยังสามารถใช้ซอยลาดพร้าว 1 ในการลัดเลาะไปถึงถึงตัวโครงการได้ด้วย นอกจากนี้ซอยพหลโยธิน 24 จากเส้นพหลโยธิน, ซอยข้างศาลอาญา และ ถนนในสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม จากเส้นรัชดาภิเษก ก็สามารถใช้ลัดเลาะเข้า – ออกตัวโครงการได้เช่นกัน
จะเห็นว่าที่ตั้งของโครงการนี้มีทางหนีทีไล่อยู่พอสมควรเลย ใครพอจะจำซอยได้แม่นๆ ก็สามารถใช้ลัดเลาะหนีรถติดได้สบายๆ เลยค่ะ
การเดินทางด้วยรถยนต์ การเดินทางถือว่าสะดวกมาก หากมองในมุมมองของคนที่ทำงานอยู่ในช่วง รัชดาภิเษก – ลาดพร้าว – วิภาวดี เพราะโครงการอยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 900 เมตร จากถนนลาดพร้าวจะสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้อีกหลายสาย ทั้ง พหลโยธิน ใช้วิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ต่อไปถึงอโศก หรือออกไปทางสะพานใหม่ได้, วิภาวดี – รังสิต วิ่งขนานกับเส้นพหลโยธิน แต่มีการจราจรที่คล่องตัวกว่าค่ะ
ตัวโครงการอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี, รัชดาภิเษก ตัดกับถนนลาดพร้าวตรงแยกลาดพร้าว – รัชดา ใช้วิ่งลงไปทางพระราม 9 ได้, ประดิษฐ์มนูธรรม มีจุดขึ้นทางด่วนรามอินทราอาจณรงค์ เป็นอีกตัวเลือกที่สามารถใช้ออกไปทางบางนาได้ หรือจะวิ่งขึ้นไปทางวัชรพลก็ได้ค่ะ
นอกจากนี้บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร – นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร-นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี – รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี – รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆ ในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆ ประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
ทางด่วน จากตัวโครงการจะอยู่ใกล้กับจุดขึ้นทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ในระยะเพียง 4.7 กม.เท่านั้น ซึ่งถ้ารถไม่ติดมากใช้เวลาขับไปไม่เกิน 15 นาทีก็ถึงค่ะ โดยจากโครงการให้ออกมาที่ปากซอยลาดพร้าว 15 มุ่งหน้าไปถนนพหลโยธิน จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายออกถนนพหลโยธินไปกลับรถอีกที เลี้ยวซ้ายเข้าถนนหอวัง จากนั้นพอวิ่งออกมาที่ทางคู่ขนานวิภาวดี-รังสิต ตรงนั้นจะมีทางแยกฝั่งซ้าย เป็นด่านเก็บเงินลาดพร้าวขาออกขึ้นทางยกระดับค่ะ
ความอุดมสมบูรณ์ ภายในซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 ถือว่ามีความสงบและเป็นส่วนตัวมาก เพราะส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวเกือบทั้งหมด ส่วนสภาพแวดล้อมบนถนนลาดพร้าวและบริเวณใกล้เคียงมีความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงทีเดียวค่ะ เพราะเป็นย่านของแหล่งที่พักอาศัยในแนวดิ่ง ซึ่งคนส่วนมากอาจจะไม่ได้ปรุงอาหารทานกันเองในทุกๆมื้อ ก็ต้องออกมาพึ่งร้านอาหารข้างทางกันนี่แหละ สะดวกและรวดเร็วที่สุดแล้ว ดังนั้นตลอดถนนเส้นนี้ก็จะมีทั้งร้านอาหารทั้งร้านทั่วไปและพวก Chain Restaurant, ร้านสะดวกซื้อก็เห็นมีกระจายอยู่, ร้านขายของชำ, ร้านขายยา, ร้านอินเตอร์เน็ต, คลินิกเสริมความงาม, คลินิกทันตกรรม ถ้าเข้าไปตามตรอกซอกซอยก็มีร้านอาหารอยู่ค่อนข้างเยอะค่ะ อย่างเส้นลาดพร้าววังหิน,ถนนโชคชัย 4 และถนนนาคนิวาสนี่ก็อุดมสมบูรณ์มากๆ
ส่วนแหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้ก็คงหนีไม่พ้นเซ็นทรัลลาดพร้าวกับแฟชั่นมอลล์อย่าง Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ถ้าจะดูเป็น Hypermarket เพื่อซื้อของเข้าบ้านก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดินในวันสบายๆ ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวกนะคะ
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางด้วยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าภายในซอยลาดพร้าว 15 ช่วงบริเวณหน้าโครงการนั้นจะยังไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน แต่ก็อยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 900 เมตร ที่ถนนลาดพร้าวมีรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด ถ้าวันไหนไม่เร่งรีบมาก อยากประหยัดเงินก็สามารถขึ้นรถเมล์ได้ค่ะ สายที่ผ่านก็มีสาย 8, 8ปอ, 44, 92, 96, 122ร, 145, 502, 517 และ 545
ในปัจจุบันตัวโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เพียง 1.1 กม.เท่านั้น (ทางออกที่ 3) สามารถเชื่อมต่อไปยัง BTS หมอชิต ได้เพียง 2 สถานี
ที่มากไปกว่านั้นก็คือในอนาคต สถานีลาดพร้าว จะเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วง ลาดพร้าว – พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต – คูคต ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ – รังสิต ที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล – ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
จากหน้าโครงการเดินออกมาที่ถนนลาดพร้าวเพียง 13 นาทีก็ถึง MRT สถานีลาดพร้าวแล้วค่ะ ฝั่งของโครงการจะเป็นทางออกที่ 3 เดินประมาณ 1.1 กม. สามารถโทรเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้มารับที่หน้าโครงการก็จะสะดวกมากขึ้นนะ
สถานีพหลโยธินก็อยู่ไม่ไกล ทางออกที่ใกล้ที่สุดคือทางออก 1 เร็วๆเลยก็นั่งวินไปค่ะ ทางออกจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับ Union mall ถ้าเดินลงสถานีพหลโยธินเดินข้ามไปที่ทางออกที่ 3 จะไปโผล่ที่หน้าเซ็นทรัลลาดพร้าวเลย
หรือถ้าจะไป BTS สถานีหมอชิตเลยก็อยู่ไม่ไกลค่ะ จากเส้นลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าพหลโยธิน ตรงไปอีกหน่อยก็ถึงแล้ว ที่ใกล้ที่สุดคือทางออกที่ 4
:::: การเดินทางสู่โครงการ ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo มีภาพการเดินทางไปสู่ตัวโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 โดยใช้รถยนต์ส่วนตัวมาฝากกันค่ะ โดยเราจะเริ่มการเดินทางจาก
ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนรามอินทรา) > ถนนลาดพร้าว > แยกรัชดา-ลาดพร้าว > ถนนลาดพร้าว > ซอยลาดพร้าว 15 > โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15
วันนี้เราจะเริ่มต้นการเดินทางจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมหรือที่คุ้นหูกว่าก็คือเลียบด่วนรามอินทรานั่นเองค่ะ บริเวณที่เราอยู่ตอนนี้ก็คือช่วง CDC จากตรงนี้จะใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 20 นาทีถึงโครงการ
วิ่งผ่าน CDC มาแล้วก็ให้เราวิ่งตรงไปเรื่อยๆ สังเกตป้ายประดิษฐ์มนูธรรมให้ชิดไปทางเลนขวาค่ะ
จากนั้นจะเห็นป้ายพระราม 9 ให้เราชิดขวาตรงไปตามทางนั้นเลยเพื่อขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86
ชิดขวาขึ้นสะพานข้ามแยกไปเลยค่า
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วให้เรารีบชิดเลนขวาเพื่อกลับรถ
เมื่อกลับรถมาอีกฝั่งนึงแล้วให้ดูป้ายโชคชัย 4 เอาไว้ค่ะ
ดูป้ายโชคชัย 4-รัชดาภิเษกเอาไว้ ให้เราชิดซ้ายนะ
ข้างหน้าถ้าชิดขวาจะขึ้นสะพานข้ามแยกลาดพร้าว 86 ไปทางรามอินทราค่ะ แต่เราจะชิดซ้ายเอาไว้
จากนั้นให้เราเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดพร้าว ถ้าออกทางขวาจะยูเทิร์นกลับไปอีกฝั่งนะ
เข้ามาที่ถนนลาดพร้าวจะเป็นถนนขนาด 6 เลนมีเกาะกลางแบ่งอย่างชัดเจน ทั้งฝั่งซ้ายและขวาของถนนจะเป็นที่ตั้งของอาคารพาณิชย์และคอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise หลากหลายแบรนด์ ขับไปเรื่อยๆเราจะวิ่งผ่านตลาดสะพาน 2 อยู่ฝั่งขวามือของเราค่ะ
วิ่งตรงไปเรื่อยๆผ่านแยกรัชดา-ลาดพร้าว
เลยแยกไปไม่ไกลเราจะเห็นทางออก MRT สถานี ลาดพร้าว
ขับไปเรื่อยๆให้เราชิดขวาเอาไว้นะคะ พอเห็นสะพานลอยข้างหน้าจะมีทางกลับรถ ให้เราเลี้ยวเข้าซ.ลาดพร้าว 15 ได้เลย
จากถนนลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 15 ตรงเข้าไปตามซอยอย่างเดียวเลยนะคะ ไม่ต้องเลี้ยวเข้าแยก ประมาณ 900 เมตร เราก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือค่ะ
เข้ามาในซอยลาดพร้าว 15 เป็นถนนขนาด 2 เลน รถขับสวนกันได้สะดวก ช่วงต้นๆของซอยจะเป็นตึกแถว
ขับเข้าไปในซอยลาดพร้าว 15 เรื่อยๆ บรรยากาศภายในซอยจะเงียบสงบมาก เพราะภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวทั้งหมด
จากหน้าปากซอยตรงเข้ามาประมาณ 900 เมตร จะเป็นซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 เราก็จะเห็นที่ตั้งโครงการอยู่ทางด้านขวามือแล้วค่า
ภาพหน้าโครงการแบบชัดๆ
สรุปแยก และ ถนนสำคัญรอบโครงการ
สรุปสถานที่สำคัญรอบโครงการ
ห้างสรรพสินค้า
สถานศึกษา
ศูนย์การแพทย์
ศาสนสถาน
สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
:::: สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ::::
บนถนนลาดพร้าวที่ดินที่ติดกับถนนจะเป็นออฟฟิศ, คอนโดมิเนียมทั้ง Low rise และ High rise, ธนาคาร และอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นกิจการอย่างหลากหลายตั้งแต่ร้านอาหาร, ห้างทอง จนไปถึงคลินิกเสริมความงามค่ะ
ถัดเข้าไปภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยสูงตั้งแต่ 1 – 3 ชั้น มีทั้งอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมิเนียมกระจายตัวกันอยู่ด้วย โดยตัวโครงการจะอยู่ลึกเข้ามาจากถนนลาดพร้าวประมาณ 900 เมตร บรรยากาศภายโดยรอบเงียบสงบ เพราะส่วนมากจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวหลังใหญ่ที่มีเนื้อที่มาก ตัวบ้านแต่ละหลังจะอยู่ค่อนข้างห่างกัน ทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูงค่ะ
ตอนนี้เรามาอยู่กันที่บริเวณหน้าโครงการกันแล้ว เดี๋ยวเราจะมาเดินสำรวจบริเวณโดยรอบโครงการกันค่ะ
ฝั่งตรงข้ามกับตัวโครงการก็คือบ้านพักอาศัยส่วนตัวสูง 2 ชั้น
เราจะเริ่มเดินจากทางฝั่งขวามือกันก่อน
ตรงเข้าไปฝั่งซ้ายคือซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 – 1 ส่วนฝั่งขวาคือ แยก 7 – 3 ภายในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัยทั้งหมดค่ะ
เราจะเดินไปดูทางฝั่งซ้ายมือกันบ้าง มุ่งหน้าออกไปยังปากซอยลาดพร้าว 15
ที่ติดกับตัวโครงการเลยก็จะเป็นบ้านพักอาศัยสูง 3 ชั้น
ถัดมาเป็นคอนโด The Peace สูง 7 ชั้น
ตรงออกไปที่หน้าปากซอย ทั้ง 2 ข้างทางจะเป็นบ้านพักอาศัยส่วนตัวดั้งเดิมของคนในย่านนี้ทั้งหมดเลย จะเห็นได้ว่าบรรยากาศภายในซอยดูสงบ และเป็นส่วนตัวมากๆ ค่ะ
ออกมาที่หน้าปากซอยบนถนนลาดพร้าว ฝั่งซ้ายมือติดกับปากซอยจะเป็นอาคารพาณิชย์ มีสะพานลอยให้เดินข้ามฟากได้อยู่ใกล้ๆ
มีคลินิกเวชกรรม, คลินิกเสริมความงาม และร้านขายเสื้อผ้าก็มี ใกล้ๆ นี้มีสารพัดร้านค้าเลยค่ะ
เดินผ่านสะพานลอยมาเราจะเจอโครงการขึ้นใหม่ เป็นคอนโด High rise สูง 30 ชั้น
ถัดมาเราจะเจออาคารพาณิชย์ ร้านแรกเป็นกิจการเกี่ยวกับยางยนต์
มีร้านอาหารหลากหลายร้านเปิดรอให้บริการอยู่ ตามทางเดินจะมีร้านอาหารแผงลอยขายตั้งแต่ช่วง 10 โมงจนถึงบ่าย 3
เดินมาจากตัวโครงการประมาณ 1.1 กม. เราก็มาถึง MRT สถานีลาดพร้าวค่ะ ฝั่งนี้คือทางออก 3 นะ
จากปากซอยลาดพร้าว 15 เราเดินไปสำรวจทางฝั่งขวามือกันบ้าง ตรงหัวมุมมีร้าน The Fat Cow เป็นร้านเล็กๆ มีบรรยากาศภายในที่เป็นกันเองมาก สามารถนั่งชิลล์จิบ Craft beer ที่เจ้าของร้านได้คัดสรรมาแล้ว แกล้มกับเบอร์เกอร์เนื้อหรือจะเป็น Fish&Chip ก็มีคนแนะนำมาว่าเด็ดนะ
เดินเลยไปหน่อยจะเจอร้านขายยานิอรเภสัช ที่เปิดขายอยู่ในย่านนี้มานานแล้ว
ข้างๆร้านขายยามี 7 – Eleven ห่างจากหน้าปากซอยลาดพร้าว 15 แค่ 35 เมตรเท่านั้น
เจอร้านอาหารอีกร้าน เป็นร้านอาหารอีสาน จุดขายของร้านคือเมนูจากเป็ดค่ะ
เดินเลยไปอีกหน่อยจะมี Big C Extra ค่ะ ภายในมี HomePro อยู่ด้วย ตรงนี้แต่เดิมเคยเป็นโรงเรียนปานะพันธุ์วิทยาเก่า แล้วต่อมาก็เป็นห้างคาร์ฟูร์ จนหมุนมาเป็น Big C ในปัจจุบันค่ะ
ไม่ไกลกันจะเจอ The Zest เป็น คอนโด High rise ค่ะ อยู่ตรงหัวมุมซอยลาดพร้าว 7
ตรงปากซอยลาดพร้าว 5 จะเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น Jirafu สุดชิคสไตล์ Sushi & Izakaya สำหรับคอซูชิและเบียร์ ในร้านจะมีเชฟปั้นซูชิกันให้ชมแบบสดๆ อีกทั้งยังมี Craft Beer นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นกว่า 30 ชนิด ซึ่งตรงนี้จะเป็นที่ตั้งของ Sales Office เก่าโครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ด้วย ถ้าท่านไหนอยากจะดูห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จแล้วก็สามารถมาชมห้องที่นี่ได้ค่ะ
ฝั่งตรงข้ามจะเห็นธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกสิกรไทยตั้งอยู่คู่กันพอดี
และไปรษณีย์สามแยกลาดพร้าวค่ะ
ถัดไปเป็นสนง.ควบคุมความประพฤติกรุงเทพมหานคร
รวมถึงอาคารสำนักงานและอพาร์ทเม้นท์พร้อมพันธุ์
มีร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักๆ อยู่ข้างปากซอยลาดพร้าว 1/1 ด้วยนะ
มาถึงช่วงอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างเปิดเป็นร้านรวงต่างๆ ตรงนี้เปิดเป็นธนาคารออมสิน
มีทั้งสปา, คลินิกเวชกรรม, ร้านเสริมสวย รวมถึงคลินิกทันตกรรม
ฝั่งตรงข้ามจะเป็นที่ตั้งของธนาคาร TMB
เดินตรงไปจนใกล้ถึงซอยลาดพร้าว 1 จะมีสะพานลอยให้ข้ามฟากได้
ช่วงตีนสะพานก็มีร้านค้าอยู่อีกหลายร้าน ตรงนี้เป็นร้านขายรองเท้า, ร้านสะดวกซื้อ และร้านขายขนมไทยค่ะ
ตรงนี้ก็จะมีร้านขายดอกไม้ด้วยนะ
ถัดไปมีห้างทองและร้านขายโจ๊กมัลลิกา ขายกันมาร่วม 30 ปีเห็นจะได้ มีการปรับปรุงหน้าร้านให้ดูทันสมัยมากขึ้น ช่วงกลางวันจะมีขายก๋วยจั๊บเพิ่มด้วยนะ ต้องมาลองทานกันดู
เดินตรงไปจนถึงหน้าปากซอยลาดพร้าว 1 ตรงหัวมุมคือ Union mall แล้ว ข้างในซอยลาดพร้าว 1 จะเป็นชุมชนที่ค่อนข้างหนาแน่น เพราะมีตลาดและอพาร์ทเม้นท์อยู่เยอะ
บริเวณหน้าห้าง Union Mall คือ MRT สถานีพหลโยธิน ทางออกที่ 5 ค่ะ
:::: ตัวโครงการ ::::
โครงการเป็นคอนโดมิเนียม Low rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มีทั้งหมด 214 ยูนิต บนพื้นที่ 1 – 2 – 92 ไร่ อาคารถูกออกแบบมาในสไตล์ Neo Classic ใช้โทนสีขาว – เทาเป็นหลัก สร้างลูกเล่นระแนงเหล็กสีดำและขอบบัว
มาดูในส่วนของ Plan อาคารกันค่ะ ทางเข้า – ออกของตัวโครงการจะมีอยู่เพียงทางเดียวจากซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 เส้นทางการเดินรถจะวนเข้าไปใต้อาคารแล้วกลับออกมาที่ทางเข้า – ออกเดิม
ที่ชั้น G จะเป็นที่จอดรถทั้งแบบกลางแจ้งและใต้อาคาร จอดได้ทั้งหมด 65 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) คิดเป็น 30% ถือว่าให้มาอย่างเพียงพอต่อการใช้งาน เมื่ออิงว่าลูกบ้านของทางโครงการน่าจะใช้รถสาธารณะส่วนนึง จากทางเข้ามาจะเจอโถง Exclusive & Elegant Lobby Hall ก่อนเข้าสู่บริเวณ Lucent & Shady Glass House, Mail Box Zone และ Lift Hall เพื่อขึ้นสู่ชั้นถัดๆ ไป
ในส่วนของ Court ที่ถูกกั้นออกมาจะเป็น Main Facilities ของโครงการ โดยจะทำอาคารแยกออกมาเป็น Club House ภายในประกอบด้วย Refresh & Relieve Aqua Pool, Swimming Jet, Blazing Classic Space, Healthy & Fine Fitness, Superior & Panoramic Grand Garden ส่วนชั้น 2 ของ Club House จะเป็น Superior & Panoramic Sky – Hight Garden ค่ะ
ชั้น 2 – 8 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด รวมกันเป็น 214 ยูนิต มีจำนวนห้องพักต่อชั้นอยู่ที่ 31 ห้องต่อชั้น มีการจัดแปลนอาคารแบบ Double Corridor ผังอาคารเป็นรูปตัว U ล้อมสวนและ Club House เอาไว้ ภายในอาคารมีลิฟท์โดยสารอยู่ 2 ตัว และลิฟท์ดับเพลิงอีก 1 ตัว คิดเป็นอัตราส่วนยูนิตพักอาศัยต่อลิฟท์ 107 : 1 ถือว่าเกินค่ามาตรฐานมาเล็กน้อย แต่ก็ยังพอรับได้ค่ะเพราะเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Low rise
ชั้น 8 จะแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นห้อง Social & Connection Space เป็นห้องอเนกประสงค์
ชั้น Rooftop จะเป็น Facilities อีก 1 จุด คือ Superior & Panoramic Rooftop Garden ได้วิวเมืองกรุงเทพฯ ค่ะ
เรามาดูที่ตัว Model ของโครงการเพื่อความเข้าใจกันค่ะ ตัวโครงการเป็นสไตล์ Neo Classic ใช้สีโทนขาวเป็นหลัก มีสีเทาแซมๆ บ้าง
มองตัวอาคารจาก Top View ค่ะ โครงการวางผังอาคารเป็นรูปตัว U เรียบง่ายดี เกิดเป็น Court ตรงกลาง และออกแบบให้เป็น Main Facilities
นี่คือด้านทิศใต้ของโครงการค่ะ ด้านนี้จะติดกับบ้านพักอาศัยส่วนตัวสูง 1 – 3 ชั้น
ด้านทิศตะวันตกของโครงการ เป็นฝั่งที่ติดกับซอยลาดพร้าว 15 แยก 7
ซึ่งจุดนี้จะเป็นทางเข้า-ออกของโครงการ เข้าไปก็จะเจอ Exclusive & Elegant Lobby Hall อยู่ทางฝั่งขวามือ
ด้านทิศเหนือของโครงการ ด้านนี้จะติดกับบ้านพักอาศัยส่วนตัวสูง 1 – 3 ชั้น
ด้านทิศตะวันออกของโครงการ จะติดกับซอยลาดพร้าว 15 แยก 9
ในส่วนของ Court กลางโครงการ หรือก็คือ Main Facilities นั่นเอง จะเชื่อมต่อกับตัวอาคารบริเวณ Lucent & Shady Glass House ค่ะ จะมีทางเข้า – ออกอยู่
จากบริเวณ Lucent & Shady Glass House ออกมาเจอ Superior & Panoramic Grand Garden
จากสวนเดินเชื่อมต่อมาถึงบริเวณ Club House Building ค่ะ ภายในก็จะมี Refresh & Relieve Aqua Pool, Swimming Jet, Blazing Classic Space, Healthy & Fine Fitness และ Superior & Panoramic Sky – Hight Garden
Facilities อีก 2 จุดจะอยู่บนชั้น 8 และชั้น Rooftop ค่ะ นั่นก็คือ Social & Connection Space และ Superior & Panoramic Rooftop Garden
มาดูภาพบรรยากาศจำลองภายในโครงการกันบ้าง เริ่มจาก Exclusive & Elegant Lobby Hall ออกแบบให้รู้สึกหรูหราในสไตล์ Neo Classic เพิ่มความโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume ส่งต่อไปยัง โถงลิฟท์, Mail Box Zone และบริเวณ Lucent & Shady Glass House
บรรยากาศภายในโถงลิฟท์และ Mail Box Zone
จาก Lobby เชื่อมต่อมายังส่วน Lucent & Shady Glass House เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนที่ได้วิวสวนสวย ตรงนี้ก็จะมีประตูออกไปสู่สวนและ Club House Building ค่ะ
สวน Superior & Panoramic Grand Garden ของโครงการถูกออกมาอย่างสวยงาม ตรงกลางสวนมีลานน้ำพุ ช่วยสร้างบรรยากาศ และสร้างเสียงที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย
ในส่วนของ Club House Building จะเป็นอาคารสูง 2 ชั้นแยกต่างหากจากตัวอาคาร
บริเวณสระว่ายน้ำถูกล้อมรอบด้วยสวน อีกฝั่งคือ Healthy & Fine Fitness มี Day Bed ให้อยู่ปลายสระฝั่งนึง
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นบริเวณ Blazing Classic Space มุมปลายสระว่ายน้ำ ฝั่งซ้ายมือจะมีมุม Swimming Jet ให้ด้วยค่ะ
ขึ้นมาที่ชั้น 8 ห้องนี้ก็คือ Social & Connection Space เรียกง่ายๆ ก็คือห้องอเนกประสงค์นั่นเอง พื้นที่ตรงนี้เราจะเอางานมานั่งทำ หรือมานั่งเล่นอ่านหนังสือก็ได้ค่ะ
ออกมาในส่วน Outdoor ชั้น Rooftop จะเป็น Superior & Panoramic Rooftop Garden ที่ได้วิวเมืองกรุงเทพฯแบบ Panoramic View เลย
:::: UNIT TYPE ::::
ห้องของโครงการจะมีอยู่ทั้งหมด 4 แบบด้วยกันได้แก่
โดยโครงการขายห้องแบบ Fully Fitted ได้ห้องเปล่า พร้อมครัวจาก Franke , ห้องน้ำสำเร็จรูป สุขภัณฑ์จาก Mogen และเครื่องปรับอากาศจาก Daikin เดี๋ยวเราจะไปดูผังพื้นของห้องแต่ละ Type กันเลยค่ะ
1 Bedroom : Superior : 22.30-23.35 ตร.ม.
1 Bedroom : Deluxe : 24.35 ตร.ม.
1 Bedroom : Premier : 25.90-27.25 ตร.ม.
1 Bedroom : Suite : 29.30-30.30 ตร.ม.
:::: บริเวณภายในโครงการ ::::
::: บริเวณภายในโครงการ :::
ตอนนี้โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ก็ได้สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเราจะเข้าไปสำรวจด้านในอาคารกันค่ะว่าจะสวยถูกใจเหมือนในภาพ Perspective หรือไม่
เริ่มต้นจากด้านหน้าโครงการจะมีป้ายชื่อโครงการ ตกแต่งพื้นหลังด้วยหิน White Volakas
นี่คือทางเข้า – ออกของโครงการค่ะ การเข้า – ออกจะต้องผ่านป้อมรปภ. กล้องวงจรปิด และรั้วเลื่อน
ข้างๆ กับป้อมรปภ.จะมีทางเท้าและประตูทางเข้าเล็กสำหรับคนเดินเข้าได้สะดวก
พอเข้ามาภายในโครงการแล้ว ถ้าตรงเข้าไปใต้อาคารก็จะเป็นที่จอดรถทั้งหมดซึ่งสามารเข้า – ออกได้ทางเดียว ถ้าเลี้ยวไปทางฝั่งขวามือก็จะเป็นทางเข้าหลักสู่ภายในอาคาร
ตรงเข้าไปใต้อาคารจะเป็นส่วนของที่จอดรถ มีทั้งหมด 65 คันคิดเป็น 30% ไม่รวมการจอดแบบซ้อนคันค่ะ
ทางฝั่งขวามือของลานจอดรถจะเป็น Sales Office ปัจจุบันของทางโครงการนะคะ ส่วน Sales Office เก่าที่อยู่ตรงซอยลาดพร้าว 5 จะยังมีห้องตัวอย่างให้เข้าชมได้อยู่นะ
บริเวณที่จอดรถและช่องจอดรถค่ะ
จากหน้าทางเข้าโครงการเลี้ยวขวาก็จะเป็นทางหลักที่ใช้เข้าสู่ตัวอาคาร
ภาพรวมด้านหน้าตัวอาคาร
:: LOBBY ::
เราจะเข้าไปดูภายในอาคารด้วยกันเลยค่ะ ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่จะใช้ Key Card ในการเข้า – ออกตัวอาคาร นอกจากนี้ยังสามารถใช้ Bluetooth ผ่านทาง Application ในมือถือแทนการใช้ Key Card ได้เพื่อความสะดวกสบายมากที่สุดของลูกบ้าน เวลาถือของมาเยอะก็ไม่จำเป็นต้องควานหา Key Card ในกระเป๋า
เข้ามาภายในอาคารจะเป็นส่วนของ Exclusive & Elegant Lobby Hall ออกแบบให้รู้สึกหรูหราในสไตล์ Neo Classic ตกแต่งด้วยพื้นหิน White Venus รวมถึงหินดำจีน เพิ่มความโอ่โถงด้วยฝ้าเพดานแบบ Double Volume เชื่อมต่อไปยัง โถงลิฟท์, Mail Box Zone และบริเวณ Lucent & Shady Glass House
ทางด้านซ้ายมือของโถงจะมีช่องหน้าต่างเล็กๆ เป็นส่วนของ Juristic ค่ะ
ฝั่งขวาจัดเป็นมุมนั่งพักคอยประดับตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม
ภายใน Lobby มีการจัดโซฟาที่นั่งพักคอยเอาไว้ให้หลายชุดเลย ที่ฝั่งซ้ายมือของเราก็คือโถงลิฟท์ ส่วนฝั่งขวามือก็คือส่วน Lucent & Shady Glass House แต่ถ้าตรงออกประตูกระจกด้านหลังไปจะเชื่อมต่อกับสวน Superior & Panoramic Grand Garden และ Club House ค่ะ
ภาพบรรยากาศภายใน Exclusive & Elegant Lobby Hall ทำออกมาดูดีน่าใช้งาน
จากส่วน Lobby จะเชื่อมต่อกับ Lucent & Shady Glass House ทำผนังจนถึงส่วนของหลังคาเป็นกระจกเชื่อมต่อวิวสวน Morning Tea Area
พื้นที่บริเวณนี้จัดเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนหลบมุมสบายๆ จิบชากาแฟไปพร้อมชมสวนไป
นอกจากนี้ในส่วนของ Lobby จะเชื่อมต่อกับห้อง Laundry และห้องน้ำแยกชาย – หญิง
ภายในห้อง Laundry ค่ะ ทางโครงการได้จัดเครื่องซักผ้าและเครื่องอบแห้งแบบหยอดเหรียญเอาไว้ให้เรียบร้อย
ภายในห้องน้ำสำหรับส่วน Lobby ค่ะ
:: LIFT LOBBY, MAILBOX & CORRIDOR ::
จากบริเวณ Lobby เราจะไปดูในส่วนของ Lift Lobby กันต่อค่ะ
ภายใน Lift Lobby ก็จะเป็นส่วนของ Mailbox Zone ด้วยในตัวนะ
ผนังของและพื้นของโถงลิฟท์ตกแต่งด้วยหิน White Carrara และหินจีนสีดำ
หน้าตาปุ่มกดลิฟท์ค่ะ
ทางโครงการเลือกใช้ลิฟท์ของ Fujitec รองรับน้ำหนักได้ 800 kg. หรือเฉลี่ย 10 คน/เที่ยว เป็นลิฟท์ระบบล็อคชั้นต้องใช้ Key Card ในการกดเลือกชั้นหรือใช้ระบบ Bluetooth จาก Application เหมือนกับทางเข้า Lobby ค่ะ
ตอนนี้เราขึ้นมาที่ชั้นพักอาศัยกันแล้ว โถงลิฟท์จะตกแต่งให้เรียบมากขึ้นเพื่อปรับอารมณ์เข้าสู่ห้องพักอาศัยค่ะ ส่วนโถงทางเดินจะวนขวาตลอดเป็นรูปเกือกม้านะ
จากโถงลิฟท์ให้เราเดินวนขวา
และวนขวาอีกทีเป็นรูปเกือกม้า
จะเห็นว่าโถงทางเดินค่อนข้างสว่างและโปร่งโล่งทีเดียว เพราะติดไฟทางเดินค่อนข้างถี่ และยังมีหน้าต่างทุกมุมตึกได้แสงธรรมชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ภายในอาคารก็จะมีบันไดหนีไฟให้อีก 2 จุดค่ะ แต่บันไดหนีไฟจะสามารถผลักเข้าและลงไปยังชั้นล่างได้เพียงอย่างเดียวนะคะ ไม่สามารถใช้เดินขึ้น – ลงหรือเปิดเข้าไปยังชั้นอื่นๆ ได้
:: GARDEN & CLUB HOUSE ::
เรากลับลงมาที่ Lobby อีกครั้ง เดี๋ยวเราจะออกไปดูสวนของโครงการและ Club House กันค่ะ
จาก Lobby จะเชื่อมต่อกับสวน Superior & Panoramic Grand Garden ที่ออกแบบตกแต่งแบบ Formal Garden มีลานน้ำพุอยู่ตรงกลางและวางม้านั่งตามส่วนต่างๆ ของสวน
นอกจากนี้ภายในสวนก็จะเชื่อมต่อกับส่วน Morning Tea Garden เป็นมุมสงบเล็กๆ ที่ใช้นั่งผ่อนคลายได้ทั้งยามเช้าและยามเย็น (อยู่ติดกับส่วน Lucent & Shady Glass House ค่ะ)
จากสวนจะเชื่อมต่อกับ Club House Building เป็นอาคารสูง 2 ชั้นที่ประกอบด้วย Refresh & Relieve Aqua Pool, Swimming Jet, Blazing Classic Space, Healthy & Fine Fitness และ Superior & Panoramic Sky – Hight Garden
เรามาดูในส่วนของ Refresh & Relieve Aqua Pool กันก่อนค่ะ เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาดสามารถพอใช้ว่ายออกกำลังกายได้
ทางเดินลงสระจะทำเป็นขั้นบันไดลงไปแบบนี้ค่ะ ส่วนพื้นที่น้ำตื้นในอนาคตจะวาง Day Bed ให้สามารถนอนเล่นพักผ่อนได้
บริเวณปลายสระอีกฝั่งจะเป็นบริเวณ Blazing Classic Space ตกแต่งด้วยหิน Onyx โปร่งแสงบวกกับ Lighting สำหรับตอนกลางคืนสร้างบรรยากาศที่ Classic ส่วนที่ฝั่งซ้ายมือจะมีมุม Swimming Jet ให้ด้วยค่ะ
บริเวณข้างสระก็จะจัดสวนสวนพร้อมโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนเอาไว้ให้
และบริเวณข้างสระว่ายน้ำอีกฝั่งจะเป็น Pool Deck ทำเป็นพื้นทางเดินไม้เทียมเลียบกับ Fitness ไปยังห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
ทางโครงการแยกส่วนห้องน้ำชาย – หญิงมาให้เรียบร้อย พร้อมตกแต่งภายในอย่างสวยงามน่าใช้งาน และทำ Lighting ภายในให้สว่างเพียงพอ
ส่วนแรกจะเป็นอ่างล้างมือและกระจกบานใหญ่ใช้เช็คความเรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ
ข้างๆ อ่างล้างมือจะมีตู้ล็อคเกอร์ให้ใช้เก็บของได้เวลามาใช้งานสระว่ายน้ำหรือฟิตเนส
ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ
คราวนี้เรามาดูที่ Healthy & Fine Fitness กันต่อ
ภายในฟิตเนสมีขนาดกำลังดีค่ะ ส่วนใหญ่เครื่องเล่นจะเป็น Cardio Machine เป็นหลัก คือเน้นเรื่องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
ประกอบด้วยลู่วิ่งไฟฟ้าและเครื่องเดินวงรี เซ็ทนี้จะหันหน้าออกได้วิวสระว่ายน้ำค่ะ เครื่องออกกำลังของที่นี่จะใช้หน้าจอแบบ Touch Screen และสามารถต่อ Wifi ใช้ Youtube ได้ด้วย
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นจักรยานไฟฟ้า 2 เครื่อง ม้านั่งราบแบบปรับระดับได้ รวมถึงชุดดัมเบล
ซึ่งจุดที่วางชุดดัมเบลจะอยู่ติดกับกระจกเงาค่ะ เวลายกน้ำหนักก็จะสามารถเช็คท่าทางในกระจกได้
คราวนี้เราขึ้นบันไดวนมาดูชั้นบนของอาคาร Club House กันบ้าง
ชั้นบนของ Club House จะเป็นส่วน Superior & Panoramic Sky – Hight Garden สวนลอยฟ้าที่สามารถขึ้นมาใช้นั่งพักผ่อนหย่อนใจในช่วงเย็นๆ ได้ บรรยากาศดีมากๆ โดยทางโครงการได้ทำม้านั่งและจัดเบาะนั่งเอาไว้ให้โดยรอบเลยค่ะ
ส่วนนี้ทางโครงการได้จัดสวนสวยล้อมด้วยไม้พุ่มและไม้ยืนต้นให้ร่มเงาขนาดใหญ่ รอดูในอนาคตให้ต้นไม้โตก่อนนะคะบรรยากาศจะดีกว่านี้อีก
ภาพมุมย้อนกลับไปที่บันไดวนทางขึ้น
:: SOCIAL & CONNECTION SPACE ::
คราวนี้เราขึ้นมาที่ชั้น 8 กันต่อซึ่งเป็นส่วนของ Social&Connection Space ซึ่งชั้นนี้ทางโครงการทำประตู Key Card กั้นส่วนห้องพักอาศัยอีกชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวสำหรับลูกบ้านที่พักอาศัยในชั้นนี้ค่ะ
เข้ามาในส่วนของ Social&Connection Space แล้วก็จะมีชั้นสำหรับวางหนังสือให้แชร์กันอ่านได้
ภายในส่วนนี้ทางโครงการได้จัดโต๊ะสำหรับนั่งทำงานและมุมสำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือให้เยอะพอสมควร
มุมโต๊ะทำงานสำหรับนั่งสร้างสรรค์และคุยงาน
และมุมสำหรับนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือชิวๆ บอกเลยว่าแอร์ห้องนี้เย็นสบายมาก มีหลับแน่นอนค่ะ ฮ่าๆ
จากห้อง Social&Connection Space จะมีประตูกระจกสามารถเปิดเดินขึ้นไปยังสวนชั้นดาดฟ้าได้
:: SUPERIOR AND PANORAMIC ROOFTOP GARDEN ::
สวนลอยฟ้าจากจุดที่สูงที่สุดของอาคาร ซึ่งเราจะได้วิวเมืองกรุงเทพฯแบบ Panoramic View เลย บนชั้นนี้ทางโครงการก็ได้จัดชุดโต๊ะเก้าอี้และโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนให้ ในช่วงเย็นๆ และกลางคืนวิวจะดีมากๆ
มุมนั่งเล่นที่จัดเอาไว้ตามส่วนต่างๆ ค่ะ
:::: ห้องตัวอย่าง ::::
วันนี้ทางทีมงาน Homenayoo จะพาไปชมห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. รวมถึง ห้องมาตรฐาน 1 Bedroom Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. และ ห้องมาตรฐาน Deluxe ขนาด 24.35 ตร.ม. ตามลำดับค่ะ ห้องขายแบบ Fully Fitted พร้อมครัวจาก Franke , ห้องน้ำสำเร็จรูป สุขภัณฑ์จาก Mogen และเครื่องปรับอากาศจาก Daikin มาดูรายละเอียดแบบเจาะลึกของห้องกันเลยค่ะ
::: ห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. :::
ห้อง 1 Bedroom Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. ขนาดของห้องนี้สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ 1 – 2 คน ภาพรวมภายในห้องสามารถแบ่งพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว กั้นส่วนห้องนอนออกจากนั่งเล่น และห้องครัว ห้องจะมีความกว้างหน้าห้องและความลึกห้องพอๆ กัน ตำแหน่งอยู่มุมอาคารพอดีจึงได้หน้าต่างมาทั้ง 2 ฝั่ง แต่ห้องนั่งเล่นจะต้องอาศัยแสงธรรมชาติผ่านทางห้องครัวด้วย ห้องนี้จะเป็น Type ที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุดในโครงการ มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้นค่ะ
ในห้องนี้เราจะได้ พื้นลามิเนตหนา 8 มม.(ห้องนั่งเล่น และห้องนอน), พื้นกระเบื้องลายหินอ่อน (ห้องครัว), ชุดครัวพร้อมอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควันจาก Franke, ห้องน้ำสำเร็จรูป สุขภัณฑ์จาก Mogen และ ตู้เสื้อผ้า Built – in ไปชมห้องด้วยกันเลย
มาถึงหน้าห้องตัวอย่างกันแล้ว ทาง Showroom เขากั้นกระจกใสเพื่อให้ดูได้ง่ายๆ แต่จริงๆ แล้วจะเป็นผนังและประตูบานทึบนะคะ มือจับประตูเป็นก้านโยกสแตนเลสธรรมดา ใช้กุญแจไขเข้าห้อง
ที่พื้นห้องปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 8 มม.เข้าไปถึงภายในห้องนอน
เข้ามาภายในห้องจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลย ฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในคือห้องนอน และห้องครัวค่ะ ผนังห้องที่ได้จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว
ฝ้าเพดานในห้องนั่งเล่นสูง 2.5 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์มาให้ ใช้ไฟ LED ทั้งหมดค่ะ
ห้องนี้จะขายแบบ Fully Fitted เฟอร์นิเจอร์ภายในที่เห็นนี้คือการตกแต่งเพื่อให้ดูพื้นที่ใช้สอยของห้องเป็นไอเดีย ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้เครื่องปรับอากาศมา 2 ตัวขนาด 12,000 BTU ในห้องนั่งเล่น และ ขนาด 9,000 BTU ในห้องนอน มาดูการจัดการพื้นที่ภายในห้องกันต่อค่ะ
พื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และโต๊ะข้างอีก 1 ตัว
จะเห็นว่าพื้นที่อีกฝั่งเหลืออีกนิดหน่อย จะวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งก็น่าจะพอไหวนะ หรือจะวางโต๊ะเล็กๆ คู่อีกตัวนึงก็ได้ค่ะ
ด้านหลังจะเห็นว่ามีหน้าต่างบานกระทุ้งอลูมิเนียมมาให้บานนึง แต่พื้นที่ด้านหลังโซฟาจะติดเสานูนออกมาเล็กน้อย จึงทำ Built – in ตกแต่งให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น
ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาจะสามารถวางชั้นทีวีและชั้นวางของได้ทั้ง 2 ฝั่ง โดยต้องเว้นประตูทางเข้าห้องน้ำตรงกลางเอาไว้
ระยะดูทีวีตรงนี้กว้างประมาณ 1.8 เมตร ทีวีขนาด 42 นิ้วกำลังเหมาะค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องน้ำกันต่อ ทางห้องตัวอย่างทำ Built – in ผนังซ่อนประตูบานเลื่อนค่ะ แต่จริงๆ แล้วประตูที่ได้จะเป็นบานเปิดแบบทั่วไปนะ
ห้องน้ำที่ได้จะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปตามภาพเป๊ะๆ เลยค่ะ วัสดุผนังและพื้นภายในคือโพลิเมอร์ ผนังบางส่วนตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้เทียม ข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูปก็คือ สามารถกันการรั่วซึมได้ 100% ทำความสะอาดได้ง่าย และเชื้อราสามารถขึ้นได้ยาก
ระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นและห้องน้ำจะมีธรณีประตูขึ้นมากั้นแบบนี้ บริเวณพื้นส่วนแห้งตกแต่งด้วยกระเบื้อง
ฝ้าเพดานด้านในเป็นฝ้าฉาบเรียบ ดวงโคมดาวน์ไลท์ และไฟ LED พร้อมเครื่องดูดอากาศ
ผนังฝั่งอ่างล้างมือก่อ Lower Wall มาให้ทั้งแถบ สำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ บริเวณอ่างล้างมือติดกระจกบานใหญ่มาให้แบบนี้เลย ข้างๆก็ติดราวแขวนผ้าเช็ดตัวมาให้พร้อมค่ะ ในส่วนของสุขภัณฑ์ที่ใช้ภายในห้องน้ำจะเป็นของ Mogen ทั้งหมด
อ่างล้างมือเป็นแบบแขวนผนังทรงสี่เหลี่ยม มีขนาดกำลังดี ขอบอ่างสามารถวางของใช้ได้อยู่บ้าง
ก๊อกน้ำทรงมนๆหน่อย ใช้งานได้ถนัดมือ
ถัดเข้าไปเป็นส่วนของโถสุขภัณฑ์ ระบบ Dual Flush ติดตั้งมาพร้อมกับ Accessories ประกอบ ระยะนั่งกำลังพอดีๆ ไม่แคบจนเกินไป
สายฉีดชำระขนาดพอดีมือ ใช้งานสะดวก
และที่ใส่กระดาษชำระค่ะ
ด้านในสุดเป็นส่วนของโซนอาบน้ำ ไม่ได้ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะคะ
บริเวณพื้นทำลักษณะคล้ายๆกระบะกันน้ำไหลย้อน พื้นทำผิวนูนเพื่อกันลื่นด้วย
ภายในติดตั้งฝักบัวอาบน้ำแบบสายอ่อนพร้อมราวปรับระดับมาให้ จะเห็นว่าเหนือหัวฝักบัวมีแผ่นเหล็กอยู่ จุดนั้นคืองานระบบสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นค่ะ ตรงนี้เราจะต้องซื้อชั้นวางขวดสบู่ – แชมพูมาวางเพิ่มเองนะ
เราเทียบขนาดหัวฝักบัวกับขนาดมือให้ดูค่ะ เห็นว่าหัวฝักบัวมีขนาดใหญ่กำลังดี สามารถปรับระดับของสายน้ำได้
ออกจากห้องน้ำเราเข้าไปดูห้องครัวกันก่อน ตามด้วยห้องนอนค่ะ
ห้องครัวจะถูกกั้นส่วนจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อนอลูมิเนียมติดกระจกแบบนี้ค่ะ
พื้นของห้องครัวจะปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีขาวแบบนี้ ขนาด 60 x 60 ซม.
ส่วนผนังก็เป็นผนังฉาบเรียบเหมือนเดิม ภายในห้องครัวก็จะถูกจัดโต๊ะทานอาหารให้จบอยู่ในนี้เลย
ส่วนไฟภายในห้องครัวก็ใช้ Downlight LED เหมือนเดิม
ที่เราจะได้ก็คือชุดครัวหน้าตาแบบนี้เลย แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ได้แถมมาให้ด้วยนะ จัดมาให้ดูเป็นไอเดีย
ชุดเครื่องครัวที่ได้มาจะเป็นของ Franke มาพร้อมกับ อ่างล้างมือ, เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน หน้าบานปิดผิวด้วยเมลามีน ส่วนท็อปครัวใช้หินเทียมค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวจะมีช่องเก็บของให้ทั้งหมด 4 ช่องค่ะ พอดีสำหรับเก็บช้อนส้อม, วางไมโครเวฟ และ จานชาม
ด้านหลังของเคาน์เตอร์ก็กรุผนังด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนให้เช่นกัน ตรงนี้ข้อดีก็คือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
อ่างล้างจานที่ได้มามีขนาดกำลังดี ล้างจานล้างแก้วน้ำได้สะดวกอยู่
ก๊อกน้ำก็ใช้สะดวกนะ สามารถหมุนซ้าย-ขวาได้
ส่วนเตาที่ได้มาเป็นเตาเซรามิกขนาด 2 หัว จะเห็นว่าพอวางเตากับอ่างล้างจานก็ไม่เหลือพื้นที่เตรียมอาหารแล้ว เป็นข้อดีค่ะที่จัดวางโต๊ะทานอาหารเอาไว้ใกล้ๆ ใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหารแทนได้เลย
เหนือเตาเซรามิกก็ได้เครื่องดูดควันมาด้วยเช่นกัน
ชั้นลอยก็พอจะเก็บของเพิ่มได้อีกหน่อยค่ะ ตู้จะไม่ลึกมาก จึงเหมาะกับการวางถ้วยกาแฟและแก้วน้ำมากกว่า
หันมาอีกด้าน ภายในห้องครัวสามารถจัดวางโต๊ะอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้แบบนี้
ระยะจะพอดีๆเลยค่ะ เหลือพื้นที่ทางเดินเข้า-ออกเล็กน้อย
ดูระยะระหว่างโต๊ะทานอาหารกับเคาน์เตอร์เหลือประมาณ 0.9 เมตร ระยะเหลือพอดีสำหรับการยืนปรุงอาหารและทำครัว
ด้านหลังครัวจะมีประตูเปิดออกสู่ระเบียงห้อง เป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมติดกระจกเขียวตัดแสงแบบนี้
มือจับประตูแบบเซาะร่องมาตรฐานค่ะ
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. กว้าง 0.8 เมตร พอจะวางเครื่องซักผ้าได้ 1 ตัว ราวกันตกเป็นระแนงเหล็กสีดำ
นอกจากนี้ก็จะเป็นส่วนที่แขวน Compressor ทั้ง 2 เครื่อง ติดหันออกนอกอาคาร โดยจะมีระแนงเหล็กเป็นตัวบังสายตาช่วยให้รูปด้านอาคารยังสวย
เรากลับเข้ามาภายในห้อง เข้าไปดูในส่วนของห้องนอนกันต่อ
โดยพื้นห้องนอนก็จะปูด้วยลามิเนตต่อเนื่องมาจากห้องนั่งเล่น โดยมีธรณีประตูปิดเก็บความเรียบร้อย
ภายในห้องนอนมีขนาดกระทัดรัด วางเฟอร์นิเจอร์หลักๆก็จะกำลังพอดี
เมื่อวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วก็จะเหลือพื้นที่ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่ง ระยะสามารถเดินผ่านได้โดยรอบและทำเตียงได้สะดวก
ฝั่งซ้ายสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งตัวเล็กๆได้ 1 ตัว ส่วนฝั่งขวาวางโต๊ะข้าง
ที่ฝั่งโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าจะเหลือพื้นที่กว้างพอสมควร สามารถยืนแต่งตัวได้สะดวกอยู่
ตู้เสื้อผ้า Buit – in จะได้มากับตัวห้องด้วยเลย เป็นแบบบานเลื่อนติดกระจกแบบเต็มตัวให้ฝั่งนึง สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง ภายในมีทั้งราวแขวนเสื้อผ้าและลิ้นชักเก็บของ
ลิ้นชักเก็บของภายใน
ฝั่งปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีแบบแขวนผนังได้แบบนี้
พื้นที่ปลายเตียงจะไม่สามารถวางชั้นเก็บของปลายเตียงได้แล้วนะคะ เพราะจะขวางทางเดิน
ส่วนหน้าต่างของห้องเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียมติดกระจกเขียวตัดแสง ส่วนบานล่างจะเป็นบาน Fixed สามารถเลื่อนเปิดได้ทั้ง 2 ด้านแบบนี้
มือจับบานหน้าต่างแบบเซาะร่อง
มุมมองย้อนกลับออกไปที่ประตูทางเข้าห้องนอน
มุมมองย้อนออกไปที่ห้องนั่งเล่นค่ะ
นอกจากนี้สวิตช์และปลั๊กไฟภายในห้องทั้งหมดใช้ของ Panasonic ค่ะ
::: ห้องมาตรฐาน 1 Bedroom Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. :::
เรามาดูห้องมาตรฐานที่สร้างเสร็จกันบ้างค่ะว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร เริ่มจากประตูทางเข้าเป็นบานสำเร็จรูปสีขาว
ติดมือจับประตูเป็นก้านโยกสแตนเลสมาตรฐาน ใช้กุญแจไขเข้าห้อง
ป้ายทางเข้าห้องค่ะ ทำเป็นลายหินอ่อนตัวหนังสือสีทองเข้ากับสไตล์ของโครงการ
ที่พื้นห้องปูด้วยไม้ลามิเนตหนา 8 มม.เข้าไปถึงภายในห้องนอน เก็บดีเทลระหว่างพื้นทางเดินและพื้นห้องด้วยกระเบื้องเรียบร้อย
เข้ามาภายในห้องจะเจอส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเลย ฝั่งซ้ายคือห้องน้ำ ถัดเข้าไปด้านในคือห้องนอน และห้องครัวค่ะ ผนังห้องที่ได้จะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว
ฝ้าเพดานในห้องนั่งเล่นสูง 2.5 เมตร เป็นฝ้าฉาบเรียบ ติดดวงโคมดาวน์ไลท์มาให้ ใช้ไฟ LED ทั้งหมด พร้อมแอร์ภายในห้อง 2 ตัว
ผนังฝั่งขวามือสามารถจัดวางโซฟาได้ขนาดเท่าห้องตัวอย่างเลย ด้านหลังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้ 1 บาน
ฝั่งตรงข้ามก็สามารถวางชั้นวางทีวีได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ
โดยทางโครงการได้เตรียมปลั๊กไฟและสายอากาศเอาไว้ให้เรียบร้อย ใช้ของ Panasonic ทั้งหมด
ส่วนประตูห้องน้ำจะได้เป็นประตูบานสำเร็จรูปเปิดเข้าแบบนี้ ซึ่งทางห้องตัวอย่างเขาตกแต่งมาเป็นประตูบานเลื่อนให้ดูเป็นไอเดีย
ห้องน้ำของโครงการจะใช้ห้องน้ำสำเร็จรูปทั้งหมดตามที่กล่าวไปแล้วเบื้องต้น ส่วนรายละเอียดวัสดุและสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำใช้เหมือนกับห้องตัวอย่างทุกประการค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องครัวกันต่อ ซึ่งจะกั้นส่วนจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูบานเลื่อน
ภายในห้องครัวเราได้วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ Built – in ตามแบบห้องตัวอย่างทุกประการค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ส่วนชุดเครื่องครัวได้ของ Franke ซึ่งห้องครัวก็จะเชื่อมต่อกับส่วนระเบียง ทำให้เวลาปรุงอาหารก็สามารถระบายอากาศได้ดี นอกจากนี้ภายในห้องครัวยังสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งตามแบบห้องตัวอย่างได้ด้วย
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 30 x 30 ซม. กว้าง 90 ซม.เลยค่ะ
เราเข้าไปดูภายในห้องนอนกันต่อ ประตูห้องนอนจะใช้บานสำเร็จรูปแบบนี้
พื้นที่ภายในห้องนอนจะเหมาะสมกับเตียงนอนขนาด 5 ฟุต และยังสามารถวางพวกโต๊ะเครื่องแป้งและโต๊ะข้างตัวเล็กๆ ได้อีก
ภายในห้องนอนเราจะได้ตู้เสื้อผ้า Built – in มาด้วยค่ะ
ตู้เสื้อผ้าจะได้เป็นบานเลื่อนสามารถเปิดได้ทั้ง 2 ฝั่ง และที่บานฝั่งนึงติดกระจกเงาให้แบบนี้
มือจับบานเลื่อนทำเป็นครีบแบบนี้ค่ะ สามารถจับได้ถนัดมือ
ภายในก็มีลิ้นชักและชั้นเก็บของให้
::: ห้องมาตรฐาน 1 Bedroom Deluxe ขนาด 24.35 ตร.ม. :::
คราวนี้เรามาดูห้องมาตรฐานไซส์กลางของโครงการกันบ้างค่ะ ประตูทางเข้าห้องก็ใช้ประตูบานสำเร็จรูปสีขาวเหมือนเดิม
แปลนภายในห้องจะไม่แตกต่างจากห้อง Suite เท่าไหร่นัก เปิดเข้ามาก็จะเจอห้องนั่งเล่น ฝั่งซ้ายคือห้องครัวและห้องน้ำ และด้านในคือห้องนอน ในห้องนี้เราก็จะได้แอร์มา 2 ตัวเหมือนกัน
พื้นที่ภายในห้องนั่งเล่นก็สามารถจัดวางโซฟาได้อย่างลงตัว
ฝั่งตรงข้ามมีปลั๊กไฟและสายอากาศสามารถติดตั้งทีวีได้
แต่หลักๆ เลยห้องนี้จะแตกต่างจากห้อง Suite ตรงที่ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกแทนเพื่อความโปร่งโล่ง
พื้นที่ภายในห้องนอนมีขนาดกระทัดรัดกำลังดี เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตค่ะ
และห้องนี้ทางโครงการก็ให้ตู้เสื้อผ้า Built – in มาเหมือนเดิม
คราวนี้เราเข้าไปดูภายในห้องครัวกันต่อ
วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ Built – in เราก็จะได้เหมือนกับห้อง Suite ทุกประการค่ะ และในห้องนี้ก็ยังสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้อีกด้วย
ทางฝั่งขวามือ ห้องครัวก็จะเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง
ส่วนห้องน้ำจะอยู่ฝั่งทางซ้ายมือของห้องครัว
ซึ่งจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเหมือนกับห้อง Suite ทุกประการนะ
:::: สรุปรายการวัสดุ และสิ่งที่โครงการให้ (มกราคม 2562) ::::
วัสดุโดยรวม
ห้องน้ำ และสุขาภิบาล
งานไฟฟ้า
***รายละเอียด Spec ของวัสดุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรุ่นที่เทียบเท่า สามารถสอบถามที่โครงการเพิ่มเติมได้ค่ะ
:::: ราคา (มกราคม 2562) ::::
ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
***ข้อมูลราคา และโปรโมชั่นอาจมีการเปลี่ยนแปลง โปรดติดต่อสำนักงานขายเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
:::: สรุป ::::
ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ The Tree ลาดพร้าว 15 ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 7 ห่างจากถนนลาดพร้าว 900 เมตร ซึ่งอยู่ห่างจาก MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 1.1 กม. ภายในซอยเป็นแหล่งของบ้านพักอาศัยหลังดั้งเดิมในย่านนี้ พอออกมาที่ถนนใหญ่ลาดพร้าวจะเป็นเส้นที่มีความเจริญและความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ทั้ง 2 ฝั่งถนนจะมีทั้งออฟฟิศ, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, อพาร์ทเม้นท์, คอนโดมิเนียมทั้ง High rise และ Low rise และบ้านพักอาศัย เรียกได้ว่าเป็นย่าน Vertical Living Area หรือ พื้นที่อยู่อาศัยในแนวตั้งอีกหนึ่งย่าน นั่นก็เพื่อการรองรับความเจริญของศูนย์กลางธุรกิจ (Central Business District) ย่านห้าแยกลาดพร้าว – รัชดาภิเษก – พระราม 9 ซึ่งเป็น CBD ใหม่ของกรุงเทพมหานครนั่นเอง
แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในย่านนี้มี เซ็นทรัลลาดพร้าว กับ Union Mall อยู่บริเวณทางออกรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธินพอดีค่ะ ส่วน Hypermarket ก็จะมี Gourmet Market สาขา MRT ลาดพร้าว, Big C ลาดพร้าว 2 และ Tesco Lotus อยู่ตรงข้ามกับเซ็นทรัลลาดพร้าว ออกไปทางจตุจักรก็มีพวก JJ Mall, JJ Green และตลาดนัดจตุจักรให้เลือกเดิน ออกไปทางเส้นเลียบด่วนรามอินทราจะมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง เซ็นทรัล เฟสติวัล อีสวิลล์, The Crystal และ CDC เลยขึ้นไปบนเส้นเกษตรนวมินทร์จะเป็นแหล่ง Community Mall และตลาดนัดขนาดใหญ่ จากตัวโครงการสามารถไปได้สะดวก
นอกจากนี้ยังตัวโครงการยังอยู่ไม่ไกลจาก โรงพยาบาล, สถานศึกษาทั้ง รร.หอวัง, ม.ราชภัฏจันทรเกษม และ ม.เกษตรศาสตร์ ใกล้ธนาคารซึ่งสะดวกต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน โดยรวมแล้วคือมีสาธารณูปโภคคอยรองรับอย่างครบครันที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยค่ะ
การเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว การเดินทางถือว่าสะดวกเพราะสามารถเข้า-ออกได้หลายเส้นทางจากถนนใหญ่ถึง 3 เส้น ทั้ง เส้นลาดพร้าว, พหลโยธิน และรัชดาภิเษก ซึ่งสามารถวิ่งเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ๆได้อีกหลายสาย เข้า-ออกเมืองได้สะดวก อีกทั้งยังอยู่ใกล้จุดขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข หรือ ดอนเมืองโทลล์เวย์ ซึ่งเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ไปได้ทั้งทางบางนาและชลบุรี
บนเส้นลาดพร้าวก็ยังมีทางลัดไปออกถนนเกษตร – นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ได้จาก ซอยลาดพร้าว 41 และ ถนนโชคชัย 4 เข้าถนนลาดพร้าววังหิน และ ถนนนาคนิวาส เชื่อมต่อกับถนนสุคนธสวัสดิ์ ใช้ออกเกษตร – นวมินทร์ได้สะดวก จากเส้นเกษตร-นวมินทร์ยังมีซอยมัยลาภ ใช้เป็นทางลัดออกถนนรามอินทราได้อีกด้วย บนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยโชคชัยร่วมมิตร ที่สามารถใช้เข้าถนนวิภาวดี-รังสิตได้ จากถนนวิภาวดี – รังสิตจะเชื่อมกับซอยพหลโยธิน 18 (ซอยวิภาวดี-รังสิต 3) ออกเส้นพหลโยธินตรงแยกกำแพงเพชรพอดี
แต่ข้อเสียของถนนลาดพร้าวก็คือ เป็นถนนที่ขึ้นชื่อเรื่องปริมาณรถที่มากตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังมีแยกไฟแดงและทางกลับรถอยู่อีกเป็นระยะๆ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้ถนนซอยเล็กๆในการลัดเลาะไปออกถนนเส้นอื่นๆ ประกอบด้วย จะช่วยประหยัดเวลาได้เยอะมากค่ะ
การเดินทางโดยรถสาธารณะ สำหรับการเดินทางโดยรถสาธารณะนั้นถือว่าสะดวกสบายมากเช่นกัน ถึงแม้ว่าภายในซอยลาดพร้าว 15 ช่วงบริเวณหน้าโครงการนั้นจะยังไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน แต่ก็อยู่ห่างจากถนนลาดพร้าวเพียง 900 เมตร ที่ถนนลาดพร้าวมีรถเมล์, รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านอยู่ตลอด โดยในปัจจุบันตัวโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าว เพียง 1.1 กม.เท่านั้น (ทางออกที่ 3) สามารถเชื่อมต่อไปยัง BTS หมอชิต ได้เพียง 2 สถานี
ในอนาคตการเดินทางจะสะดวกมากยิ่งขึ้น สถานีลาดพร้าว จะเป็นสถานี Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว – พัฒนาการ ที่ สถานีรัชดา ส่วน สถานีพหลโยธิน ที่อยู่ถัดไป 1 สถานีจะเป็นสถานี Interchange กับ สถานีห้าแยกลาดพร้าว ของ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วง หมอชิต – คูคต ที่กำลังก่อสร้างกันอยู่ อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม ช่วง บางซื่อ – รังสิตที่ สถานีบางซื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีโครงการในอนาคต นั่นก็คือ รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วง วัชรพล-ทองหล่อ บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราอีก 1 สายค่ะ
การออกแบบโครงการ และวัสดุ โครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น มี 1 อาคาร ทั้งหมด 214 ยูนิต บนพื้นที่ 1 ไร่เศษๆ วางผังอาคารเป็นรูปตัว U ชั้นพักอาศัยวางห้องเป็นแบบ Double Corridor
ส่วนห้องแต่ละ Type ก็ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นที่ค่อนข้างลงตัว โดยหลักจะขออิงไปที่ห้อง Suite ขนาด 30.30 ตร.ม. และห้อง Deluxe ขนาด 24.35 ตร.ม. ที่เราได้รีวิวให้ดูกันนะคะ ตัวห้องจะมีหน้าห้องที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้สามารถจัดห้องได้ลงตัวมากกว่า สามารถใช้งานได้จริง ห้องนั่งเล่นมีขนาดพื้นที่กำลังดี แต่ต้องพึ่งแสงสว่างจากทางห้องนอน (Deluxe)/ห้องครัว (Suite) ด้วย ห้องน้ำที่ได้มาเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปที่พึ่งระบบระบายอากาศของอาคารเพียงอย่างเดียว ห้องครัวได้อ่างล้างจานพร้อม Hob&Hood มาเรียบร้อย ห้องนอนมีขนาดกระทัดรัด สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ ภายในห้องมีตู้เสื้อผ้า Built – in ให้มาแล้ว ส่วนของวัสดุที่ได้มาก็ค่อนข้างดีทีเดียว ตอนนี้ราคาของโครงการตกอยู่ที่ ตร.ม.ละ 87,000 บาทค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัย สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ถือว่าให้มาพอใช้ได้เมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตภายในโครงการ ที่ชั้น G จะเป็นส่วนของ Exclusive & Elegant Lobby Hall, Lift Hall, Mail Box Zone, Lucent & Shady Glass House, Superior & Panoramic Grand Garden, Club House, Refresh & Relieve Aqua Pool, Healthy & Fine Fitness, Superior & Panoramic Sky – Hight Garden, ที่ชั้น 8 มี Social & Connection Space และที่ชั้น Rooftop มี Superior & Panoramic Rooftop Garden ภาพรวมทำออกมาได้ดูดีทีเดียว
ทางโครงการมีที่จอดรถอยู่ 65 คัน (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) คิดเป็น 30% เป็นที่จอดรถใต้อาคาร ถือว่าให้มาค่อนข้างเพียงพอนะ ถ้านับว่าลูกบ้านอาศัยระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทางเป็นหลัก อาคารมีอัตราส่วนห้องพักอาศัยต่อลิฟท์โดยสารอยู่ที่ 107 : 1 เกินมาตรฐานมาเล็กน้อยแต่ยังรับได้ค่ะ เพราะว่าเป็นอาคารแบบ Low rise
นอกจากนี้ทางโครงการยังมีเงินกองทุนให้ 1.3 ล้านบาทเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการทำนุบำรุงอาคารและการบริหารในด้านต่างๆ รวมถึงมีรถรับ – ส่งที่สถานีรถไฟฟ้า MRT ลาดพร้าวอีกด้วย ส่วนในรายละเอียดของเส้นทางรถรับ – ส่ง และเวลาในการออกรถจะเป็นอย่างไรนั้นต้องตรวจเช็คกับทางโครงการอีกทีค่ะ
ส่วนระบบรักษาความปลอดภัยก็จะประกอบไปด้วยกล้อง CCTV, Security guard ตลอด 24 ชม. พร้อมทั้ง Access card สำหรับเข้าสู่โถงลิฟท์ รวมถึงระบบลิฟท์แบบล็อคชั้น ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ
:::: สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ::::
CALL CENTER : 1739
WEBSITE : https://thetreecondo.pruksa.com/
หากเพื่อนๆเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด Like เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงาน ขอบคุณค่ะ
และมีความคิดเห็นหรือข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวโครงการ สามารถ Comment ได้ที่ด้านล่างของรีวิวค่ะ
ขายดาวน์คอนโด the tree ลาดพร้าว 15
**ขายเท่าทุน 20,000 บาท (จอง+ทำสัญญา)**
ราคาหน้าสัญญา 2,049,262 บาท ได้ส่วนลดวันพรีเซล 50,000 บาท
ดาวน์ 14 งวด 115,988 บาท
***ยอดเหลือวันโอนแค่ 1,883,274 บาท***
ห้อง 510 ชั้น 5 ทิศเหนือ ขนาด 24.35 ตร.ม. ไม่มีตึกบัง
ขายเท่าทุน เจ้าของขายเอง
นัท 0993379090
line : marisanut
*ขายดาวคอนโดเดอะทรี ลาดพร้าว 15 ราคาหน้าสัญญา 1,925,364 บาท ขายบวกเพิ่ม 80,000 บาท
**ใกล้ MRT สถานีลาดพร้าว
***ห้องขนาด 26.20 ตารางเมตร ห้องทิศเหนือ ชั้น 8 (บรรยากาศตึกไม่บัง) ห้อง 802 ติดกับห้องมุม บ้านเลขที่เลขมงคล คือหมายเลข 1 ความหมายดี อยู่แล้วมีแต่ความเจริญในหน้าที่การงาน ค้าขายร่ำรวย
****ฟรีแอร์ 2 ตัว + ซิงค์ครัวครบถ้วน + ตู้เสื้อผ้าบิวอิน
เจ้าของขายเอง
Line ID: 0970176648